เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า นิยาย บท 10

บทที่ 10 อดทนต่อการยั่วยุ

ประตูห้องบรรทมเปิดออก ใบหน้างดงามซึ่งกำลังแสดงออกถึงความโมโหก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจ้าวอู่เจียง

“ขันทีจ้าว” ขันทีน้อยทั้งสองคนรีบหันมาทำความเคารพ

“เฮอะ”

ชิงเอ๋อร์หัวเราะในลำคอ ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า

“ไม่กี่วันก่อนเจ้ายังเป็นเพียงขันทีน้อยผู้หนึ่ง ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ว”

“พี่สาวได้โปรดไว้หน้ากันบ้าง”

จ้าวอู่เจียงเอื้อมมือไปโอบเอวชิงเอ๋อร์ แม้ว่านางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาตู๋กูหมิงเยว่ผู้นี้จะไม่ได้มีสง่าราศีและสดใสเท่าผู้เป็นนาย แต่นางก็นับเป็นสตรีที่มีความงามอย่างหาได้ยากยิ่ง

“ท่านพี่ชิงเอ๋อร์อุตส่าห์มาหาข้าเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ?”

ชายหนุ่มปิดประตูอย่างนุ่มนวลและพาชิงเอ๋อร์เข้าไปในห้อง

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติของขันทีหนุ่มประกอบกับลมหายใจของบุรุษ ชิงเอ๋อร์ก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ความโกรธแค้นในใจเบาบางลงแล้ว

“เจ้าคนถ่อย นำมือของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ไม่มีปัญหา”

จ้าวอู่เจียงปล่อยมือออกจากเอวของชิงเอ๋อร์ ก่อนที่จะหมุนตัวไปอยู่อีกฝั่งและใช้มืออีกข้างโอบเอวนาง

ชิงเอ๋อร์จ้องมองอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง

เมื่อนึกถึงสีหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความสุขของตู๋กูหมิงเยว่หลังจากกลับไปจากตำหนักแห่งนี้เมื่อวันก่อน ชิงเอ๋อร์ก็อดเกิดความปรารถนาขึ้นมาไม่ได้

“เจ้าเองก็มีหน้าตาหล่อเหลา น่าเสียดายที่เป็นขันที มิฉะนั้น ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะมีความเก่งกาจสักเพียงใด”

จ้าวอู่เจียงชะงักไปเล็กน้อย “หา? อย่าบอกนะว่าท่านยังไม่เคยลอง?”

ชิงเอ๋อร์ยกมือกอดอก พูดด้วยความไม่พอใจ “แล้วขันทีอย่างเจ้าเคยลองหรือ? ข้าเติบโตมาพร้อมกับฮองเฮาตั้งแต่เด็ก จะเอาโอกาสที่ไหนไปลองได้? แต่ช่างเถอะ เรามาคุยธุระกันดีกว่า”

“ท่านเจ้าตระกูลอยากพบเจ้า!”

ขันทีหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้าตระกูล? ท่านกำลังหมายถึงตระกูลตู๋กูหรือ?”

“ใช่แล้ว นับว่าเจ้าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง”

ชิงเอ๋อร์เม้มปาก “ตอนที่ข้ากับฮองเฮายังอยู่ในจวนตระกูลตู๋กู มีคนมากมายต้องการเข้าพบท่านประมุข แต่ส่วนใหญ่ทำได้เพียงทิ้งของกำนัลเอาไว้และเดินทางกลับไปด้วยความผิดหวัง แต่ครั้งนี้ ท่านเจ้าตระกูลถึงกับเชิญเจ้าไปเข้าพบด้วยตัวเอง”

“เมื่อใด?”

“บ่ายนี้”

จ้าวอู่เจียงรีบใช้สมองขบคิดอย่างรวดเร็ว

ประมุขตระกูลตู๋กูคือ ตู๋กูอี้เหอ

เขาจะอยากเจอข้าไปทำไมกัน?

หรือว่าต้องการจะสกัดขัดขวาง?

ไม่น่าใช่ จ้าวอู่เจียงเป็นคนช่วยเหลือ ซ้ำยังเป็นคนของตู๋กูหมิงเยว่อีกด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่ประมุขตระกูลตู๋กูจะมีปัญหากับบ่าวรับใช้ของคนในตระกูล

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสถานะของตระกูลตู๋กู หากเขาอยากจะทำร้ายตนขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องส่งคนมาเชิญตัวไปอย่างเป็นทางการเช่นนี้

นี่แสดงว่าต้องเป็นการเจรจาผลประโยชน์บางอย่าง ดังนั้น เขาก็สมควรไปสินะ?

ขันทีหนุ่มกลอกตา “ท่านพี่ชิงเอ๋อร์ ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าท่านประมุขเชิญข้าไปด้วยเหตุอันใด?”

“ข้าไม่รู้ ข้าต่ำต้อยเกินไป ไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้”

ชิงเอ๋อร์ส่ายหน้าตอบกลับมาด้วยความกระตือรือร้น ความขี้เล่นของนางยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าชังยิ่งขึ้น

“ว่าแต่ท่านพี่ชิงเอ๋อร์ ท่านไม่อยากลองกับข้าบ้างหรือ?” จ้าวอู่เจียงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ขยับเข้าไปใกล้นางมากขึ้น

“เจ้าขันทีน้อย เจ้าลองคิดดูให้ดีก่อนเถอะ”

ชิงเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความเขินอายขึ้นมาทันควันโดยไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด นางจึงรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีออกประตูไป

ชายหนุ่มยืนหัวเราะพร้อมกับจ้องมองชิงเอ๋อร์วิ่งหนีไป ก่อนที่รอยยิ้มจะเลือนหายจากใบหน้า ชายหนุ่มกลับมาเกียจคร้านและนิ่งเฉย แต่ดวงตากลับทอประกายระยิบระยับ

เขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “น่าสนใจดีนี่นา ตู๋กูอี้เหอเป็นผู้ที่มีอำนาจมากมายในคณะขุนนาง แต่เขากลับเชิญตัวเราไปเข้าพบ”

ถนนหินทอดยาวไกล จ้าวอู่เจียงสวมใส่เสื้อคลุมสีฟ้าเข้ม หมวกประจำตำแหน่งขันทีถูกถอดออก ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ ก้าวเดินไปข้างหน้าออกจากเขตตำหนักของฮ่องเต้อย่างไม่รีบร้อน

เซวียนหยวนจิ้งมอบสิทธิพิเศษให้ จึงสามารถเข้าออกตำหนักของฝ่าบาทได้ตามใจชอบ

แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีเช่นกันว่าคงมีใครสักคนแอบสะกดรอยตามตนอยู่แน่ และคนผู้นั้นก็คงนำทุก ๆ การเคลื่อนไหวของเขาไปรายงานให้องค์ฮ่องเต้รับทราบ

ขณะกำลังนึกเช่นนั้น ขันทีปลอมก็เดินมาถึงหัวมุมทางเดิน และพบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนั้นต่างก็สวมใส่ชุดเครื่องแบบขันทีสีฟ้าเข้ม ทั้งยังแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากร่างกายด้วย

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า