เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า นิยาย บท 114

บทที่ 114 สิ้นสุดการกวาดล้างโรงหมอหลวง

ถุงสมุนไพรที่ถูกโยนออกมาจากโรงหมอหลวงเมื่อสักครู่นี้ ก่อเกิดเป็นม่านฝุ่นสีม่วงปนเขียวห้อมล้อมโรงหมอหลวงรอบทิศทาง ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถบุกฝ่าเข้าไปได้สำเร็จ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีการถ่วงเวลาของคนร้ายที่อยู่ในโรงหมอหลวง

จ้าวอู่เจียงนำขวดแก้วใสออกมาจากแขนเสื้อและเทยาลูกกลอนสีฟ้าครามออกมาหลายเม็ด

นี่เป็นโอสถสำหรับการขจัดพิษที่เขาหลอมขึ้นมาเอง ถ้าไม่ใช่ยาพิษที่แปลกประหลาดพิสดารเกินไป โอสถของจ้าวอู่เจียงก็ล้วนสามารถป้องกันได้ทั้งหมด

ชายหนุ่มสั่งให้นายทหารนำยาลูกกลอนเหล่านี้ไปละลายน้ำแจกจ่ายให้ทุกคน

หลังจากดื่มยา และปล่อยให้ร่างกายได้ซึมซับฤทธิ์ยาประมาณครึ่งถ้วยชา บรรดานายทหารจากหน่วยราชองครักษ์ก็สามารถบุกโจมตีโรงหมอหลวงได้อย่างราบรื่น

เซียวเฟิงเป็นผู้นำการโจมตีอยู่ด้านหน้าสุด เขาโบกสะบัดหอกแหลมในมือด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อบุกเข้าไปในโรงหมอหลวงแล้ว ไม่ว่าผู้ใดที่ขวางทางหรือต่อต้านขัดขืน ล้วนแต่ถูกตัดศีรษะอย่างไร้ความปรานี ส่วนผู้ที่ยอมมอบตัวหรือหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับร่างกาย คนกลุ่มนี้ก็จะถูกจับกุมไปขังคุก

ปรากฏว่าการกวาดล้างโรงหมอหลวงไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด นอกจากฝุ่นพิษที่เผชิญในตอนแรกแล้ว ก็ไม่มีการต่อต้านขัดขืนใด ๆ จากผู้คนของโรงหมอหลวงอีกเลย

บรรดานักปรุงยาที่บริสุทธิ์ รวมไปถึงเด็กรับใช้ผู้ช่วยการปรุงยาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ล้วนอยู่ในภาวะมึนงงสับสนในตอนที่ราชองครักษ์บุกเข้าไป พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ทุกคนก็ยินยอมให้ความร่วมมือในการจับกุมเป็นอย่างดี

จ้าวอู่เจียงกับเซียวเฟิงได้รับการนำทางโดยเด็กรับใช้ผู้ตื่นกลัวตรงไปยังห้องลับของผู้ดูแลโรงหมอหลวง

ประตูของห้องลับปิดสนิท แต่จ้าวอู่เจียงกับเซียวเฟิงที่ยืนอยู่หน้าประตูยังสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงของเปลวไฟที่อยู่ด้านใน

จ้าวอู่เจียงกระโดดถีบประตูด้วยความเกรี้ยวกราด เขาฝึกเคล็ดวิชาทองคำไร้พ่ายมาถึงขั้นที่สามแล้ว พละกำลังย่อมมากมายมหาศาลเหนือมนุษย์ธรรมดา ทุกครั้งที่ขันทีหนุ่มกระโดดถีบบานประตู บานประตูศิลาหนักอึ้งก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เซียวเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ ได้แต่พิศวงอยู่ในใจ สงสัยว่าจ้าวอู่เจียงไปเอาเรี่ยวแรงมากมายเพียงนี้มาจากที่ไหนกัน?

โครม!

หลังจากกระโดดถีบประตูอยู่เจ็ดครั้งติด ๆ กัน จ้าวอู่เจียงก็สามารถเปิดประตูศิลาได้สำเร็จ แต่เมื่อเข้ามาด้านใน กลับไม่พบผู้ใดเลย ไม่ปรากฏแม้แต่เงาของซุนอี้ขู่ผู้ดูแลโรงหมอหลวงด้วยซ้ำไป ในขณะนี้ ภายในห้องลับเต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชน ไม่ว่าจะเป็นตำราโบราณหรือเหล่าเอกสารทั้งหลายต่างก็กำลังถูกไฟเผาไหม้หมดสิ้น

ซุนอี้ขู่หายหัวไปอยู่ที่ใดกัน? จ้าวอู่เจียงขมวดคิ้วพลางช่วยเซียวเฟิงหยิบจับข้าวของที่ยังไม่ไหม้ออกมาจากทะเลเพลิง

ในความคิดเห็นของพวกเขา สิ่งของเหล่านี้ต้องเป็นหลักฐานสำคัญบางอย่างแน่ มิเช่นนั้น ซุนอี้ขู่ก็คงไม่พยายามเผาทำลายอย่างนี้แน่นอน

ในที่สุด จ้าวอู่เจียงกับเซียวเฟิงก็สามารถเคลื่อนย้ายจดหมายและกล่องไม้ที่เกือบจะถูกไฟไหม้เสียหายออกมาได้สำเร็จเป็นจำนวนไม่น้อย

เสียแต่ว่าจดหมายฉบับนั้นถูกไฟไหม้ไปแล้วหลายส่วน หลงเหลือเพียงมุมกระดาษที่มีตัวอักษรไม่กี่ตัวเท่านั้น

แต่ก็ยังอ่านได้ความว่า

[เมื่อกาลเวลาดำเนินถึงปีเจี๋ยจื่อ*[1] นายท่านจะดำเนินการให้ถล่มสวรรค์]

บทที่ 114 สิ้นสุดการกวาดล้างโรงหมอหลวง 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า