เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า นิยาย บท 12

บทที่ 12 สตรีจากแดนประจิม มีความงดงามเลิศล้ำที่สุดในโลก

“ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ จดหมายฉบับนี้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าน้อยก็จะนำไปส่งมอบกับพระหัตถ์ฝ่าบาทให้จงได้”

จ้าวอู่เจียงก็แสดงความจริงใจของตนเองออกมาเช่นกัน

ตู๋กูอี้เหอยกมือลูบหนวดเคราสั้น ๆ ของตน แววตาเอ็นดูอยู่หลายส่วน ไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาช่างน่ากลัวยิ่งนัก

“เป็นผู้ใดที่ข่มขู่เจ้า?”

“เรื่องนี้เริ่มต้นจากความตายของท่านอาสามขอรับ”

จ้าวอู่เจียงแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดื่มสุราหมดจอกและสูดหายใจเข้าลึก

“อาสามของข้าน้อยทำงานรับใช้อยู่ในตำหนักพระสนม เขาป่วยตายอย่างเป็นปริศนา แต่ข้าน้อยมีคนที่สงสัยว่าจะเป็นฆาตกรสังหารท่านอาสาม แถมมันยังมาข่มขู่ข้าน้อยอีกด้วย”

“น่าสนใจจริง ๆ นับเป็นคนยโสโอหังยิ่งนัก”

ตู๋กูอี้เหอยกมือลูบหนวดเคราและยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยประกายอำมหิต

แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่จ้าวอู่เจียงต้องการ นอกจากได้อธิบายถึงความแค้นของตนแล้ว ยังสามารถทำให้หัวหน้าขันทีกลายเป็นศัตรูของตระกูลตู๋กูได้อีกด้วย

“อาฝู!”

ตู๋กูอี้เหอส่งเสียงเรียก

“ขอรับนายท่าน”

ชายชราหนวดเคราขาวผู้หนึ่งเดินออกมาจากหลังฉากกั้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างกายตู๋กูอี้เหอ รอคอยคำสั่งด้วยความเคารพนอบน้อม

“ขันทีจ้าว ได้โปรดบอกชื่อของคนผู้นั้นมา”

ตู๋กูอี้เหอถามจ้าวอู่เจียงด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทว่าทรงอำนาจ

“หัวหน้าขันทีเฉินเจิ้งฮัวขอรับ!”

จ้าวอู่เจียงประสานมือคำนับ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“ข้าน้อยอยากขอร้องให้นายท่านไม่ต้องทำให้ถึงตาย เพราะข้าน้อยมีเรื่องอยากจะถามเขาให้ชัดเจนขอรับ!”

“เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่?”

ตู๋กูอี้เหอขมวดคิ้ว ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น

ชายชราผู้ถูกเรียกว่าอาฝูก้มศีรษะลงรับคำ ก่อนจะเดินถอยหลังกลับเข้าไปหลังฉากกั้น และหายลับไปจากสายตาของจ้าวอู่เจียง

“นับจากนี้ไป เจ้าคือสมาชิกของตระกูลตู๋กู เจ้าจะได้แบ่งปันทุกอย่างกับพวกเรา!”

ตู๋กูอี้เหอกลับมามีแววตาอ่อนโยนอีกครั้ง ชายวัยกลางคนตบไหล่จ้าวอู่เจียงเบา ๆ ไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ที่เอ็นดูบุตรหลาน คำพูดของประมุขตระกูลตู๋กูช่างน่าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วขันทีหนุ่มจะไม่หาทางตอบแทนได้อย่างไร? “กราบเรียนใต้เท้า ข้าน้อยมีสูตรยาลับที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย และเพิ่มกำลังวังชาให้แก่ท่านได้ ไม่ทราบว่าใต้เท้าต้องการรับฟังหรือไม่?”

เมื่อได้ยินว่ามีสูตรยาที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ตู๋กูอี้เหอก็ถึงกับหยุดชะงักไปเล็กน้อย “ว่ามา”

“สิ่งที่ใต้เท้าต้องใช้ก็คือเขากวางอ่อนและโสมเหรินเซิน*[1]”

จ้าวอู่เจียงเริ่มต้นบอกสูตรลับ

“งูทะเลสามเฉี่ยง*[2]เศษ และอิมเอี่ยขัก*[3] หกเฉี่ยงเศษผสมด้วยเก๋ากี่ เมล็ดฝอยทอง สาลี่ทอง ฟูเผินจี*[4] ซัวอ้วงจี้*[5]และปาจี๋เทียน*[6] นำทุกอย่างนี้มาหมักในสุราไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน หลังจากนั้นก็สามารถนำมาดื่มได้เลยขอรับ”

ตู๋กูอี้เหอรับคำในลำคอด้วยความพอใจ สุราที่มีสรรพคุณเป็นยาเช่นนี้ มีบุรุษใดบ้างไม่ต้องการ

“ใต้เท้าเห็นชายผู้นั้นที่นอนกอดตำราอยู่บนพื้นหรือไม่ขอรับ?”

จ้าวอู่เจียงชี้มือไปยังด้านข้าง ตู๋กูอี้เหอมองตามมือไปด้วยความพิศวง

“เมื่อดื่มยาสูตรลับของข้าน้อย นอกจากท่านจะมีร่างกายแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ความทนทานของท่านก็จะยิ่งยาวนานมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน!” จ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

“ดูสภาพบัณฑิตคนนั้นสิขอรับ ถ้าเขาได้ดื่มยาสูตรลับของข้าน้อย เขาก็จะไม่มีทางนอนหมดสภาพเช่นนี้แน่นอน!”

“ฮ่า ๆๆๆ เจ้านี่มันถูกใจข้าจริง ๆ…” ตู๋กูอี้เหอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะดังกังวานกึกก้องทั่วห้องโถงใหญ่

จ้าวอู่เจียงก็กำลังหัวเราะอยู่เช่นกัน หลังจากนั้น ไม่ว่าเขาบอกเล่าเรื่องตลกอันใด ตู๋กูอี้เหอก็จะหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็จ้องมองทั้งสองด้วยความสงสัยและประหลาดใจ

“ดูเหมือนว่าท่านประมุขตู๋กูจะพูดคุยกับขันทีจ้าวอย่างถูกคอมากทีเดียว สงสัยจะยึดถือเป็นคนสนิทแล้วจริง ๆ”

“จ้าวอู่เจียงผู้นี้ช่างมีความสามารถเหลือเกิน ในอนาคตเราต้องจับตาดูเขาไว้ให้ดี”

..

แขกผู้ร่วมงานเลี้ยงต่างก็สาบานอยู่ในใจ และเริ่มดื่มกินชื่นชมกับบรรยากาศแห่งความสุขต่อไป

ท่านเสนาบดีจากกรมพิธีการยังคงนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เนื้อตัวมีแต่กลิ่นสุรา หน้าแดงก่ำและสะอึก บรรดาขุนนางผู้ติดตามพยายามเขย่าร่างของเขาด้วยความร้อนใจ แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว

จนกระทั่งขุนนางน้อยผู้หนึ่งกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู ท่านเสนาบดีจึงได้ลืมตาโต กระโดดลุกขึ้นยืนและรีบเดินตรงเข้าไปหาจ้าวอู่เจียงกับตู๋กูอี้เหอ ซึ่งกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

“ข้าพเจ้าเสนาบดีหลี่จากกรมพิธีการ มีเรื่องอยากจะปรึกษาขอรับ”

เนื้อตัวของท่านเสนาบดียังคงเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา แต่สีหน้ากลับหนักแน่นมั่นคง ดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ชำเลืองมองหน้าขันทีหนุ่มที่นั่งอยู่ และเกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย

บทที่ 12 สตรีจากแดนประจิม มีความงดงามเลิศล้ำที่สุดในโลก 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า