บทที่ 13 จ้าวอู่เจียงในสายตาของตู๋กูอี้เหอ
“อืม” ตู๋กูอี้เหอรับคำแผ่วเบา
“แต่นายท่านขอรับ” อาฝูมีอาการลังเลเล็กน้อย หลังจากใช้ความคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามออกมาว่า
“ในวังหลวงขณะนี้สถานการณ์ซับซ้อน เพื่อช่วยเหลือขันทีน้อยผู้หนึ่ง เราจำเป็นต้องแตกหักกับผู้มีอำนาจอย่างเฉินกงกงเชียวหรือขอรับ นี่เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ไม่คุ้มค่าหรอก”
ตู๋กูอี้เหอยกเท้าขึ้นวางพาดไว้บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ในเมื่อห้องโถงใหญ่บัดนี้เหลือแต่เพียงตนกับพ่อบ้าน ตู๋กูอี้เหอก็สามารถนั่งได้ตามสบาย ไม่ต้องรักษากิริยามารยาทอีกต่อไป
“แต่ในอนาคต มันต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน เขาช่วยเหลือหมิงเยว่เอาไว้ไม่น้อย แม้แต่หลิวเหม่ยเอ๋อร์หลานสาวของเจ้าจิ้งจอกเฒ่าหลิวเจ๋อก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากเขาเช่นกัน มิหนำซ้ำ แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังรับฟังคำแนะนำของขันทีน้อยผู้นี้! ฝ่าบาททรงเคยรับฟังคำแนะนำของผู้ใดด้วยหรือ? แต่บัดนี้ ฝ่าบาททรงรับฟังคำแนะนำของจ้าวอู่เจียง เจ้าว่านี่หมายความว่าอะไร?”
“นี่หมายความว่าฝ่าบาททรงให้ค่าขันทีน้อยผู้นี้เอาไว้สูงส่งทีเดียวใช่หรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านชราตาเบิกโต
“ใช่แล้ว นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง และด้วยสถานการณ์ในวังหลวงยังไม่มั่นคง บางครั้งกลุ่มคนที่มีอำนาจจำนวนมากก็ไม่อาจสู้กับบุคคลผู้เดียวที่กุมอำนาจใหญ่ไว้ในมือได้”
ตู๋กูอี้เหอหัวเราะออกมาด้วยความสะใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังชื่นชมในความสามารถของจ้าวอู่เจียง หรือกำลังชื่นชมการตัดสินใจของตนเองกันแน่
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในวังหลวงมีขันทีอยู่มากมาย แต่กลับมีจ้าวอู่เจียงเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้ฝ่าบาทได้”
ตู๋กูอี้เหอยิ้มมุมปาก
“เติมสุรา”
อาฝู พ่อบ้านชรารีบรินสุราใส่จอกให้ตู๋กูอี้เหอด้วยความเคารพ
ตู๋กูอี้เหอยกสุราดื่มรวดเดียวหมด
“เติมสุราอีก”
สิ่งหนึ่งที่ตู๋กู่อี้เหอนึกชอบใจในตัวของจ้าวอู่เจียงก็คือ ขันทีน้อยมีความอดทนอดกลั้นเป็นเลิศ เขาไม่แสดงอาการโกรธแค้นเมื่อพบเจอถ้อยคำดูถูก นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่ายอดคนที่แท้จริง!
“การไม่แสดงอาการหวาดกลัวออกมาเมื่อพบเจอกับอันตรายนั้นเรียกว่าความกล้าหาญ และบุคคลที่กล้าหาญก็มักจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดเสมอ จ้าวอู่เจียงไม่ฝักใฝ่ในความชั่วร้าย แต่ฝักใฝ่ในความดี! ทั้งยังเข้าใจสถานการณ์ของผู้คนเป็นอย่างดี จ้าวอู่เจียงจึงมองออกว่าตนเองมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร”
“ซึ่งแน่นอนว่าจุดอ่อนของจ้าวอู่เจียงก็คือความใฝ่ฝันในอำนาจนั่นเอง! เมื่อจ้าวอู่เจียงเป็นผู้มีความสามารถ มีความกล้าหาญและกระหายในอำนาจ ในอนาคตคนผู้นี้ก็จะต้องมีตำแหน่งสูงส่งอย่างแน่นอน!”
พ่อบ้านชรายืนตัวแข็งทื่อ หัวใจสั่นไหว เขารับใช้นายท่านมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินนายท่านชมเชยผู้ใดเหมือนที่ชมเชยขันทีน้อยผู้นี้มาก่อน
“นายท่านเชื่อใจเขาถึงเพียงนี้เลยหรือขอรับ?”
อาฝูถามออกมาอีกครั้ง
“เขาเป็นหลานชายของจ้าวโส่ว ย่อมมีความสามารถและมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม แต่จะสามารถพึ่งพาได้เพียงใด นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องรอดูกันต่อไป”
ตู๋กูอี้เหอวางจอกสุราลงบนโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงของผู้สูงส่งที่ดูถูกเหยียดหยามผู้อยู่ต่ำกว่า
“การที่ฝ่าบาททรงอนุญาตให้หมิงเยว่เข้ารับใช้นั้น หมายความว่าพระองค์ทรงยอมรับตระกูลตู๋กู แต่เมื่อเหตุการณ์ชายแดนเหนือปะทุขึ้นมา ฝ่าบาทก็ยังคงสงสัยและระแวงตระกูลตู๋กูอยู่ดี ความจริงเกี่ยวกับชายแดนเหนือ ข้าจะให้มันได้เปิดเผยออกมาด้วยตนเอง ไม่รู้เลยว่าจะมีผู้ใดสามารถปิดบังได้หรือไม่”
ในที่สุด นายท่านก็ตัดสินใจเคลื่อนไหวแล้วสินะ? พ่อบ้านชราโค้งตัวคำนับและล่าถอยกลับออกไปด้วยหัวใจที่สั่นไหว
“กราบเรียนนายท่าน ถ้าอย่างนั้นบ่าวขอกลับไปเตรียมตัวก่อนขอรับ”
…
ในรถม้า
“ขันทีจ้าวขอรับ มีขบวนรับเสด็จของกรมพิธีการมาทำการปิดถนน เกรงว่าคงต้องรออีกนานกว่าจะสามารถผ่านทางไปได้ขอรับ” เสียงของคนขับรถม้าดังขึ้นนอกห้องโดยสารอย่างขออภัย
“ไม่เป็นไร”
จ้าวอู่เจียงพับซองจดหมายช้า ๆ เปิดม่านหน้าต่างห้องโดยสารออกดูด้านนอก จิตใจสงบลงแล้วหลายส่วน
สองฟากฝั่งของท้องถนนในยามนี้มีชาวบ้านยืนอยู่เป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มสามารถมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าอยู่บนถนนหลวงจากหางตาได้อย่างชัดเจน
อูฐสีขาวราวหิมะสองตัวกำลังลากจูงรถม้าคันใหญ่ คนขับรถม้าเป็นบุรุษแดนประจิมสวมใส่หมวกขนสัตว์และชุดขนสัตว์หนาเตอะ
รถม้าคันนี้มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เป็นผู้คุ้มกันถึงสี่คน ข้างเอวสะพายดาบวงพระจันทร์คมกริบ
เจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการเดินนำทาง แล้วมนุษย์ห้าคนกับอูฐสีขาวอีกสองตัวก็ติดตามมา
จ้าวอู่เจียงจ้องมองออกไปผ่านม่านหน้าต่างของรถม้า ก็ได้เห็นว่าหน้าต่างของห้องโดยสารรถม้าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีมือขาวผ่องยื่นออกมา ตามด้วยศีรษะของสตรีนางหนึ่งอวดโฉมอันงดงามแก่โลกใบนี้
“ให้ตายเถอะ นั่นคือองค์หญิงของพวกเขาใช่หรือไม่?”
“นับเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในใต้หล้าจริง ๆ!”
“มิน่าเล่า องค์ปฐมกษัตริย์ถึงได้อยากเยือนแดนประจิมมาโดยตลอด”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า