บทที่ 1210 สืบทอดวิชาของปราชญ์โบราณ
ซูเสี่ยวเหยาสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าของตนเอง
ความร้อนแผ่ซ่านไปถึงใบหู เผาผลาญลมหายใจของนาง
ในชั่วขณะนั้น นางคิดถึงเรื่องราวมากมาย ภาพเหตุการณ์ในนิยายรักระหว่างบัณฑิตหนุ่มและสาวงามผุดขึ้นในความคิดไม่หยุด
นางก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้าสบตากับอิ้นอ๋อง
“ขอบพระทัยอิ้นอ๋องเพคะ” นางรีบหมุนตัว แต่กลับชะงักฝีเท้า พูดติดอ่างออกมาไม่กี่คำ
“ยี่… ยี่สิบเอ็ดปี”
พูดเบา ๆ จบ นางก็รีบหนีจากไป
แม้ว่านางจะยังคงเดินอย่างสง่างาม แต่ในใจนางประเมินตนเองว่าเป็นเพียงการหนีอย่างไม่เป็นท่า
นางรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง
จ้าวอู่เจียงแสดงสีหน้าเรียบเฉยก่อนหัวเราะเบา ๆ
ยี่สิบเอ็ดปี นี่คือวัยอันงดงามของหญิงสาวหรือ
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าอยากรู้จริง ๆ ว่าซูเสี่ยวเหยามีอายุเท่าไร หรือมีคนรักหรือไม่
เพียงแต่ได้ขับร้อง ‘เจียนเจีย’ ที่กล่าวถึงหญิงงามอยู่อีกฝั่งของสายน้ำ ก็เพราะบังเอิญนึกถึงบทกวีอันงดงามจากซือจิงเท่านั้น
ไม่คิดว่าซูเสี่ยวเหยาจะมีปฏิกิริยาเขินอายเช่นนี้
นี่เรียกว่าสิ่งใด?
นี่เรียกว่าตั้งใจปลูกดอกไม้กลับไม่บาน ไม่ตั้งใจปลูกต้นหลิวกลับให้ร่มเงา
อ๊ะ! ไม่ถูก ต้องเป็นตั้งใจปลูกดอกไม้กลับไม่บาน ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิวกลับให้ร่มเงา
ช่างเถอะ… เป็นเพราะเขาปักดอกไม้มามากเกินไป จึงพูดผิดไปชั่วขณะ
หากจะตั้งใจปักดอกไม้ เพียงรดน้ำค้างขาวสักหลายครั้ง ดอกไม้ก็ย่อมบาน
ในท้องพระโรงมีเสียงพูดคุยวุ่นวายจากผู้ที่ชอบเรื่องสนุก ผู้คนต่างพูดถึงอิ้นอ๋องและซูเสี่ยวเหยาโดยตรง
จ้าวอู่เจียงสนทนากับคนข้างกายอย่างเรียบเฉย
หลังจากจีปออิงเข้าใจบางสิ่งแล้ว ก็เข้าร่วมสนทนาด้วย ยังคงแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนและใจกว้างเช่นเคย พร้อมกล่าวชื่นชมสองสามประโยค
แน่นอนว่าแขกเหรื่อต่างพากันประจบสอพลอมากมาย ล้วนชื่นชมว่ารัชทายาทมีจิตใจกว้างขวาง
บ้างก็ชื่นชมว่ารัชทายาทใจกว้าง อิ้นอ๋องมีความสามารถ ทั้งสองพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน ทำให้ผู้คนอิจฉา
จ้าวอู่เจียงดูสงบนิ่งและผ่อนคลายทั่วร่าง ไม่สนใจที่จะแข่งขันชิงชัยกับผู้ใด ปล่อยให้บรรดาดอกไม้อิจฉาตามใจชอบ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า