บทที่ 123 รีบปลดปล่อยมันออกมา
ใกล้ยามสนธยา
จ้าวอู่เจียงกับฮ่องเต้ก็มาถึงประตูทางเข้าตำหนักซีเยว่ ทั้งสองคนก้าวเดินเข้าไปด้านใน
ฮ่องเต้กลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่มืดสักหน่อย? เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมกัน?”
“ฝ่าบาทไม่อยากมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?” จ้าวอู่เจียงถามกลับด้วยความมึนงง
ฮ่องเต้พูดอะไรไม่ออก เห็นได้ชัดว่าจ้าวอู่เจียงไม่ต้องการตอบคำถามของนาง
ทันใดนั้น แววตาของฮ่องเต้หญิงก็ทอประกายเย็นเยียบ เมื่อเห็นขันทีน้อยผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ขันทีผู้นั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักมีดสั้นออกมาแล้วพุ่งเข้าหานางทันที และมันผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากซุนอี้ขู่ผู้ดูแลโรงหมอหลวงที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้
เมื่อซุนอี้ขู่รู้ข่าวเกี่ยวกับพิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ เขาก็รีบมาดักรอที่ตำหนักซีเยว่ขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่เพื่อทำการลอบสังหารฮ่องเต้ เพื่อเป็นการสร้างความดีความชอบครั้งสุดท้ายในการถวายชีวิตให้แก่เซียวเหยาอ๋อง
จ้าวอู่เจียงเป็นผู้มีสายตาและสองมือที่ว่องไวยิ่ง เมื่อมีดสั้นกำลังจะเข้าถึงตัวฮ่องเต้หญิง เขาก็พุ่งเข้าไปขวางหน้าและใช้สองมือรับมีดเอาไว้ทันที
การโจมตีของซุนอี้ขู่ถูกจ้าวอู่เจียงขัดขวาง เขาจึงต้องการจะเปลี่ยนกระบวนท่า แต่ลมหายใจต่อมา จ้าวอู่เจียงก็บิดมือของซุนอี้ขู่อย่างไม่ปรานี ทำให้มีดสั้นหลุดร่วงตกลงพื้น จากนั้นขันทีหนุ่มก็สวนกลับ เขากระแทกฝ่ามือใส่หน้าอกของซุนอี้ขู่อย่างรวดเร็ว
ซุนอี้ขู่รีบยกมือขึ้นปัดป้อง แต่ก็สายเกินไปแล้ว ฝ่ามือของจ้าวอู่เจียงกระแทกเข้าใส่ตำแหน่งหัวใจเต็มแรง
ผลั่ก!
ซุนอี้ขู่รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอันหนักหน่วง พร้อมกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย โลหิตไหลทะลักออกปากและจมูกของเขาทันที
ซุนอี้ขู่รีบยกมือเช็ดคราบเลือดที่ไหลซึมจากมุมปาก ก่อนจะระเบิดเสียงคำราม และกระโจนเข้าโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย ท่าทางไม่ต่างไปจากสุนัขจนตรอก การเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งห่าฝนพร่างพรม เป้าหมายการโจมตีของเขายังคงเป็นฮ่องเต้ แต่ก็ถูกจ้าวอู่เจียงสกัดขัดขวางเอาไว้ได้ทั้งหมด
เพียงสามลมหายใจให้หลัง ซุนอี้ขู่ก็หมดแรงเสียแล้ว แต่จ้าวอู่เจียงยังคงมีท่าทางเป็นปกติมากนัก การเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นจ้าวอู่เจียงที่เล่นงานซุนอี้ขู่ก่อน ด้วยกระบวนท่าจากวิชาฝ่ามือทลายจิต
ซุนอี้ขู่มีผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากบิดเบี้ยวส่งเสียงคำรามด้วยความอาฆาต เขาตั้งท่าพร้อมสู้อย่างถวายชีวิต
จ้าวอู่เจียงดันให้ฮ่องเต้หญิงไปหลบอยู่ทางด้านหลัง ส่วนเขาก็กระแทกฝ่ามือใส่ซุนอี้ขู่จนอีกฝ่ายลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรง
สุดท้าย ซุนอี้ขู่ก็กลายเป็นมนุษย์โลหิต สิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น
เดิมทีเขามีขั้นพลังเทียบเท่ากับเฉินอันปัง เสนาบดีกรมกลาโหม แต่ในขณะนี้จ้าวอู่เจียงบรรลุขั้นสามของเคล็ดวิชาทองคำไร้พ่ายแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะซุนอี้ขู่
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงเป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
จ้าวอู่เจียงถามเสียงแผ่วเบา รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของฮ่องเต้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังสั่นเทาด้วยพระองค์กำลังตื่นกลัว
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!” ฮ่องเต้หญิงถามเสียงเข้ม พลันกระตุกแขนจ้าวอู่เจียงอย่างแรง ดวงตากลายเป็นสีแดงเล็กน้อย
“มีองครักษ์มังกรอยู่ที่นี่ตั้งหลายคน มันจะสามารถทำร้ายข้าได้อย่างไร? เจ้าเสียสติไปแล้วหรือที่เอาตนเองมาขวางเช่นนี้!”
จ้าวอู่เจียงยืนตกตะลึง ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“กระหม่อมไม่กระไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หญิงรีบสำรวจดูร่างกายช่วงบนของชายหนุ่ม นัยน์แววตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล นางถึงกับจับเขาหมุนตัวดูรอบแล้วรอบเล่า เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรจริง ๆ นางจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“หากมีครั้งหน้า อย่าได้เอาตัวเจ้าเข้ามาขวางเช่นนี้อีก…” ฮ่องเต้หญิงคืนความสงบเยือกเย็นดังเดิม
จ้าวอู่เจียงจ้องมองใบหน้าของเซวียนหยวนจิ้ง ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง
“พระองค์เป็นห่วงกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ดวงตาของฮ่องเต้หญิงพลันเงยหน้า ดวงตาประสานกับดวงตาของจ้าวอู่เจียงพอดี นางรีบหันหน้าหนีเฉมองไปทางอื่น พลางพูดอย่างรวดเร็ว
“เปล่าสักหน่อย ข้าเพียงไม่อยากให้มีใครต้องมาเจ็บตัวเพราะข้าอีก!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า