เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า นิยาย บท 1242

บทที่ 1242 เขามาแล้ว

แขนขวาที่ขาดหล่นลงพื้นยังกำดาบไว้แน่น

หวังปิ่งมองอย่างงุนงง ชั่วขณะยังไม่ทันได้ตั้งตัว

ไม่นาน ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นมาจากบริเวณแขนที่ขาด เขากดบาดแผลที่เรียบเป็นมันราวกับกระจกด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ความเจ็บปวดราวกับบทเพลงที่สั่นสะท้านแล่นจากบาดแผล พุ่งเข้าสู่สมองของเขา ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรง

“อ๊าก!” หวังปิ่งร้องครวญครางอย่างน่าสยดสยอง เขาเซถอยหลัง กวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วตะโกนด้วยความโกรธ

“ใครกัน!!!”

“โครม!”

เสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกล แสงสายฟ้าทะลุผ่านหมอกยามเช้าที่บางเบา กลายเป็นร่างที่เย็นเยียบราวภูเขาน้ำแข็งตรงหน้าหวังปิ่ง

“เจ้าคือ…” หวังปิ่งมีสีหน้าหวาดกลัว เพิ่งจะเอ่ยปาก ร่างทั้งร่างก็ล้มหงายไปด้านหลัง ราวกับมีคนกดใบบัวในสระน้ำให้จมลงใต้น้ำ

ร่างของหวังปิ่งกระแทกเข้ากับกำแพงดินด้านหลัง ทรายสีเหลืองกลายเป็นหมอกและกลายเป็นใบมีด อีกเพียงชั่วครู่ก็จะพุ่งทะลุร่างของหวังปิ่ง

แต่ในชั่วขณะถัดมา ร่างของหวังปิ่งก็หายวับไป เหลือเพียงหลุมใหญ่บนกำแพงดินที่พังทลายและควันสีเหลืองจาง ๆ

จ้าวอู่เจียงชำเลืองมองร่างสองร่างที่ยืนอยู่บนต้นพุทราจีนที่ผอมแห้งไม่ไกลนัก

หนึ่งในนั้นคือหวังปิ่ง อีกคนคือชายชุดเทาที่แบกดาบคู่

เขาไม่ได้สนใจ แต่ค่อย ๆ เดินไปหาสตรีทั้งสามที่อยู่ในม่านแสงแก้ว

ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป พอเดินมาถึงหน้าม่านแสงแก้ว ก็กลับเป็นรูปลักษณ์เดิมของตน

หล่อเหลาไร้ที่ติ ทั้งยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน

“จูกัดเซี่ยวไป๋ ยกม่านแสงแก้วออกเถิด” เขาทำสีหน้าท่าทางอ่อนโยน พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นมิตร

เขาไม่ทำลายม่านแสงแก้วของจูกัดเซี่ยวไป๋เพราะไม่อยากให้จูกัดเซี่ยวไป๋บาดเจ็บอีก

เพราะจูกัดเซี่ยวไป๋ใช้ม่านแสงแก้วปกป้องตู๋กูหมิงเยว่และอีกสองคนมาตลอด

จูกัดเซี่ยวไป๋ตกตะลึง แต่ก็เข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้นโบก ม่านแสงแก้วก็สลายไป

แต่จูกัดเซี่ยวไป๋ก็ยังไม่โล่งใจ เพราะเขาเห็นคนสองคนบนต้นอู๋ถงที่อยู่ไม่ไกล

หวังปิ่งที่บาดเจ็บสาหัสจนลมหายใจอ่อนระโหย และหลี่ซ่านฉุนที่แบกดาบคู่

บทที่ 1242 เขามาแล้ว 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า