บทที่ 128 การเขียนจดหมายร้องเรียน
“สหายทุกท่าน สถานการณ์ของราชสำนักในขณะนี้มีแต่ความวุ่นวายโกลาหล พวกเราคงทำตัวสบายใจมากเกินไป เพราะเอาแต่คิดว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยให้อาศัยร่มเงาพักพิง แต่หากวันหนึ่งต้นไม้ต้นนั้นผลัดใบ จนไม่เหลือร่มเงาให้พวกเราใช้หลบแดดหลบฝนอีกเล่า พวกเราจะทำอย่างไร?”
จางทุยเห็นว่าขุนนางทุกคนหอบหายใจอย่างแรง ดวงตาพวกเขาทอประกายหวาดวิตก ตอนนี้เองจึงถึงเวลาแล้ว จางทุยจึงพูดข้อความสำคัญออกมา
“พวกเรามาทำให้จ้าวอู่เจียงคืนจวนหลังนั้นกลับมาเถอะ!” เสนาบดีกรมคลังพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“เขาสมควรคืนจวนซิงชิงหยวนให้แก่เซียวเหยาอ๋อง สถานที่อันทรงเกียรติเช่นนั้นจะถูกครอบครองโดยคนชั้นต่ำชั่วช้าอย่างจ้าวอู่เจียงได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว!” กลุ่มขุนนางพร้อมใจกันประสานเสียง
“เซียวเหยาอ๋องเป็นบุคคลที่มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม พระองค์ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีเสมอมา อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และจะต้องสร้างคุณประโยชน์ให้แก่แคว้นต้าเซี่ยได้อย่างใหญ่หลวงในอนาคต หากพวกเรานิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใดเลยอยู่เช่นนี้ นั่นก็ออกจะเป็นการหักหาญน้ำใจเซียวเหยาอ๋องมากเกินไปสักหน่อยแล้วกระมัง?”
“พี่หลี่กล่าวได้มีเหตุผลยิ่ง พวกเราไม่ควรหักหาญน้ำใจเซียวเหยาอ๋อง พวกเราควรจัดการคนทรยศอย่างจ้าวอู่เจียงเสีย พวกเราต้องทำให้มันคืนจวนซิงชิงหยวนกลับมาให้พระองค์ให้ได้!”
จางทุยจิบสุราเบา ๆ ความกังวลคลี่คลายลงไปหลายส่วน ดวงตาหม่นแสงลง และพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“จ้าวอู่เจียงต้องตายสถานเดียวเท่านั้น! มันคิดหักหน้าเซียวเหยาอ๋อง การฆ่ามันเป็นการชดใช้ต่อเซียวเหยาอ๋องที่ดีที่สุด!”
“ใช่แล้ว เสนาบดีจางกล่าวถูกต้องทุกประการ” บรรดาขุนนางในกรมคลังรีบสนับสนุนคำพูดของจางทุย
“จ้าวอู่เจียงมีความประพฤติเลวทรามต่ำช้า มันคิดครอบครองจวนซิงชิงหยวน นับว่าไร้ยางอายและไม่มีจิตสำนึกโดยแท้! หากจ้าวอู่เจียงยังคงอยู่รอดต่อไป นั่นย่อมเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีของเซียวเหยาอ๋องไม่เหลือชิ้นดี! เพราะฉะนั้น เราจะปล่อยมันเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
กลุ่มขุนนางร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“หลังกลับจากงานเลี้ยงครั้งนี้ ข้าจะเขียนจดหมายร้องเรียนจ้าวอู่เจียง จนกว่ามันจะถูกนำตัวไปประหาร!”
“เฮอะ ไม่ใช่เพียงเท่านั้นนะ มันเป็นเพียงขุนนางชั้นต่ำต้อย แต่กลับแอบยักยอกเก็บสมบัติของจวนเสนาบดีกรมกลาโหมเอาไว้ นี่ย่อมเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อกฎหมายของแคว้นต้าเซี่ยอย่างแน่นอน!”
“พี่หลี่ช่างพูดได้ถูกใจข้ายิ่งนัก คนอย่างมันไม่สมควรได้มาเป็นขุนนางเสียด้วยซ้ำ! อย่าลืมสิว่ามันเกิดมาเป็นขันที!”
“ถูกต้อง ขนาดพ่อแม่ของมันยังทนไม่ไหว ไม่อยากจะให้มันมีเชื้อสายสืบต่อความชั่วร้าย แล้วเช่นนี้ บุคคลที่มีจิตใจต่ำทรามอย่างจ้าวอู่เจียงมีความสามารถอันใดจึงได้มาเข้าร่วมการบริหารบ้านเมืองของพวกเราได้?”
“ต้องฆ่ามัน!”
“เอามันไปทิ้งลงเหว แม้แต่ศพก็อย่าให้เหลือ!”
“วันพรุ่งนี้เช้าข้าจะเขียนจดหมายร้องเรียน มีผู้ใดสนใจติดตามไปกับข้าหรือไม่?”
“ข้าเอง!”
“เราผู้เฒ่าด้วย!”
“ข้าก็จะยื่นจดหมายร้องเรียนเช่นกัน!”
กลุ่มขุนนางยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธแค้น
ทว่าใครคนหนึ่งกลับกล่าวขึ้นมาเสียงแผ่ว
“แต่จ้าวอู่เจียงเป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้ หากฮ่องเต้…”
“ฮ่องเต้เป็นประมุขของแผ่นดิน พระองค์ต้องเข้าใจอย่างแน่นอนว่าเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญ!” เมื่อได้รับการส่งสัญญาณจากจางทุย รองเสนาบดีประจำกรมคลังก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วพูดอีกครั้ง
“อีกอย่าง ในเมื่อพวกเรามีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกเราก็ไปยื่นจดหมายร้องเรียนพร้อมกันเถอะ! นับตั้งแต่ยุคโบราณกาล ฮ่องเต้กับขุนนางล้วนเป็นฝ่ายเดียวกัน ฝ่าบาทต้องทรงไม่ถือโทษโกรธเคืองพวกเราอย่างแน่นอน และคนที่จะต้องถูกนำตัวไปขังคุกก็คือจ้าวอู่เจียง! มันเป็นเพียงขันทีชั่วช้าต่ำทราม แล้วฮ่องเต้จะมาลงโทษพวกเราเพื่อปกป้องขันทีสารเลวผู้หนึ่งได้อย่างไร?”
“เมื่อเวลานั้นมาถึง เซียวเหยาอ๋องก็จะได้จวนซิงชิงหยวนกลับคืน ส่วนพวกเราก็จะได้รับความดีความชอบ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ประเสริฐสุดแล้วหรอกหรือ?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า