บทที่ 1285 ขอพึ่งตนเองดีกว่าขอพึ่งเทพเจ้า
หลังจากออกมาจากศาลเจ้าเทพเมือง จ้าวอู่เจียงรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปเทียน
กลิ่นธูปเทียนมีความหวานเล็กน้อย มีกลิ่นฉุนบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นกลิ่นที่ซับซ้อนและหลากหลาย ราวกับมีเถ้าถ่านจากเตาไฟที่ไหม้หมดแล้ว มีความทุกข์ทรมานที่บิดเบี้ยวจากการถูกเผาไหม้ด้วยไฟแรง และยังมีกลิ่นหอมหวานจากเทียนแดงที่หยดละลาย
กลิ่นของสรรพชีวิตต่าง ๆ ผสมผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นกลิ่นธูปเทียน
ขอพึ่งตนเองดีกว่าขอพึ่งเทพเจ้า
จ้าวอู่เจียงได้แต่พึ่งตนเองจริง ๆ
เขาหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น และทุกเรื่องจะราบรื่น
ส่วนการที่ตนเองกราบไหว้ตัวเองจะได้ผลหรือไม่ เทพอสูรจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ นั่นเขาก็ไม่แน่ใจ
นายบ่าวทั้งสองเดินต่อไปยังจวนเจ้าเมือง
หลินอวี้ถือสร้อยข้อมือที่ร้อยด้วยลูกปัดไม้อยู่ในมือ สร้อยข้อมือเส้นนี้เขาซื้อมาจากชายรูปร่างล่ำสันที่ตั้งแผงขายอยู่หน้าศาลเจ้าตอนที่พวกเขากำลังจะจากมา
ตอนนั้นชายคนนั้นบอกว่า สร้อยข้อมือเส้นนี้สัมผัสกับพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างทองของเทพอสูรตลอดเวลา จึงมีพลังวิเศษไม่ธรรมดา สามารถป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้หนึ่งครั้ง
หลินอวี้ไม่เชื่อหรอก เพราะเขาไม่รู้สึกถึงพลังวิเศษใด ๆ เลย สร้อยข้อมือก็เป็นเพียงสร้อยข้อมือธรรมดา ๆ
แต่เขาทนคำโน้มน้าวของชายคนนั้นไม่ได้ ชายคนนั้นบอกว่าทั้งสองมีวาสนาต่อกัน จึงยอมเจ็บใจขายให้เขาในราคาที่ต่ำมาก
หลังจากที่เขาซื้อสร้อยข้อมือเสร็จแล้ว พวกพ่อค้าแม่ค้าตาเป็นประกายรุมล้อมเข้ามา ต่างพากันอยากขายของให้เขามากขึ้น
เขาจำใจต้องหนีออกมา
ตึง!
ขณะที่หลินอวี้กำลังพลิกดูสร้อยข้อมือไปมา มีคนวิ่งมาอย่างร้อนรนและชนเข้าที่ไหล่ของเขา จากนั้นสร้อยข้อมือก็หลุดกระเด็นออกไป
หลินอวี้ไม่ได้เก็บสร้อยข้อมือไม้ในทันที แต่กลับกลั้นหายใจ รวบรวมพลังปกป้ององค์ชายของตน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้จ้าวอู่เจียงหันมามอง
คนที่ชนหลินอวี้เป็นหญิงสาวรูปร่างน่ารัก สวมชุดสีชมพู ดูสดใสเปล่งปลั่ง
หญิงสาวพูดขอโทษอย่างร้อนรน แล้วพยายามจะหลบเข้าไปในฝูงชน
แต่ไม่นาน เธอก็หยุดฝีเท้า แล้วถอยกลับมา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า