บทที่ 139 รังสีอำมหิตที่แผ่เข้ามา
ย่านเจียงตู่ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ณ จวนที่พักอันหรูหรา
ใบหน้าที่ซีดเซียวของอันผิงเริ่มมีสีเลือดสูบฉีดมากขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาทุเลามากแล้ว
อันผิงได้รับทราบข่าวมากมาย และกำลังจะเข้าไปรายงานต่อนายท่าน
เมื่อเดินเข้าไปในห้องตำรา เซียวเหยาอ๋องยังคงวุ่นวายอยู่กับการเขียนอะไรบางอย่าง
“นายท่านขอรับ ข้าน้อยตรวจสอบผู้คนที่เกี่ยวข้องกับฉีหลินทั้งหมดแล้ว” อันผิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และพูดด้วยความเคารพ
“หนึ่งในนั้นมีนามว่าจ้าวอู่เจียง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งขุนนางในหอคัมภีร์หลวง ข้าน้อยได้ยินข่าวมาว่าวันที่ฉีหลินทำการประมูลกระบี่มังกรฟ้าไปจากหอการค้าในวันนั้น จ้าวอู่เจียงมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเขามาก นอกจากนี้ ข้างกายคนผู้นี้ยังมีองครักษ์ฝีมือดีคอยอารักขา ข้าคิดว่ากระบี่มังกรฟ้าน่าจะอยู่ในมือจ้าวอู่เจียงอย่างแน่นอนขอรับ…”
“จ้าวอู่เจียง…” เซียวเหยาอ๋องรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูชื่ออย่างประหลาด
ในเวลาต่อมา ดวงตาของเขาก็ทอประกายระยิบระยับ เขานึกออกแล้วว่าจ้าวอู่เจียงเป็นผู้ใด ที่แท้ก็มดปลวกตัวนั้นนั่นเอง
ซุนอี้ขู่เคยรายงานพฤติการณ์ของจ้าวอู่เจียงให้เขาได้รับทราบมาแล้ว แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ
เช่นเดียวกับวันนี้
เซียวเหยาอ๋องพูดอย่างเย็นชา
“ฆ่าทิ้งซะ!”
“รับทราบขอรับ!” อันผิงรับคำ ก่อนจะกล่าวต่อ
“เช้าวันนี้ จางทุยถูกร้องเรียนโดยตู๋กูอี้เหอต่อหน้าฮ่องเต้ บัดนี้เขาถูกส่งตัวไปคุมขังอยู่ในคุกของกรมยุติธรรม ไม่ทราบว่านายท่านต้องการจะส่งคนไปช่วยเหลือจางทุยออกมาหรือ…”
“ฆ่าทิ้งซะ” เซียวเหยาอ๋องขัดจังหวะการพูดของอันผิง
อันผิงหยุดชะงักด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว “รับทราบขอรับ!”
พู่กันในมือของเซียวเหยาอ๋องไม่เคยหยุดการตวัด
“คนที่เซวียนหยวนจิ้งมอบจวนซิงชิงหยวนให้ใช่จ้าวอู่เจียงผู้นี้หรือไม่?”
“เป็นคนผู้นี้ขอรับ!” อันผิงตอบรับด้วยความเคารพ
เซียวเหยาอ๋องโยนพู่กันในมือทิ้ง น้ำหมึกสาดกระจายบนกระดาษขาว ทำให้ตัวอักษรที่เขียนอยู่บนนั้นแปดเปื้อนเลอะเลือน
“มันไม่สมควรแตะต้องของของข้า” เซียวเหยาอ๋องพูดเสียงเย็น
“พวกเรากลับไปดูจวนของข้ากันเถอะ”
หอการค้าเจียงตู่ หอฝู๋เจี๋ย
รถม้าสีแดงคันใหญ่วิ่งออกมาจากหอการค้า เสียงกระดิ่งที่ผูกติดอยู่กับรถม้าดังตลอดเวลา เมื่อคนขับรถม้ากระตุกสายบังเหียนอย่างต่อเนื่อง
บรรดาผู้คนที่อยู่บนท้องถนนต่างก็ต้องรีบหลบหลีก เฟิงซิ่วเอ๋อร์เป็นผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถม้า นางเลิกม่านขึ้นเพื่อดูสภาพแวดล้อมข้างนอกเป็นระยะ ด้วยหัวใจที่ร้อนรน
นางเพิ่งได้รับทราบข่าวจากท่านพ่อ ตระกูลฉินในหอการค้าได้เปิดเผยข่าวสำคัญเกี่ยวกับจ้าวอู่เจียง พวกเขาบอกว่าบุรุษผู้นี้ได้ไปล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่ และจ้าวอู่เจียงกำลังตกอยู่ในอันตราย
รถม้าเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของตัวเมืองราวกับพายุ
ในเวลาเดียวกันนี้ รถม้าอีกคันหนึ่งก็วิ่งออกมาจากแดนตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง และเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปยังจวนซิงชิงหยวนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก และคนขับรถม้าก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคืออันผิง ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเซียวเหยาอ๋องนั่นเอง
…
จวนซิงชิงหยวน
จ้าวอู่เจียงและเจียงเมิ่งลี่นั่งพูดคุยกัน หลี่หยวนเจิ่งรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มเข้ากันได้ดีแล้ว
หลังจากพูดคุยกันจบ จ้าวอู่เจียงก็นิ่งเงียบไปเนิ่นนาน
เขาเอาแต่ถูนิ้วมือของตนเอง รู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา
หากคนที่ฆ่าพี่ฉีเป็นบุรุษไร้หน้าจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าบุรุษไร้หน้ากำลังตามหากระบี่มังกรฟ้า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนผู้นั้นหากระบี่มังกรฟ้าในสำนักมังกรเกล็ดศิลาไม่พบ?
จ้าวอู่เจียงใช้ความคิดอย่างต่อเนื่อง อาการเหม่อลอยของเขาทำให้เจียงเมิ่งลี่กับหลี่หยวนเจิ่งยิ่งรู้สึกสงสัย และเคร่งเครียดมากขึ้นในเวลาเดียวกัน
ชายหนุ่มลองใคร่ครวญนึก หากตนเป็นบุรุษไร้หน้า ก็คงตรวจสอบคนที่มีความสนิทสนมกับพี่ฉีก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็เริ่มเล่นงานคนสนิททีละคนเพื่อตามหากระบี่มังกรฟ้า… จ้าวอู่เจียงหรี่ตาลงช้า ๆ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ทันใดนั้น จ้าวอู่เจียงก็อุทานออกมาว่า “แย่แล้ว!”
หากเขาเป็นบุรุษไร้หน้า เขาก็คงเตรียมตัวมาที่นี่ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเขาก็คงกำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว!
จ้าวอู่เจียงรีบผุดลุกขึ้นยืน แล้วพูดอย่างเร่งรีบ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า