บทที่ 1396 แต่ละคนมีจุดยืนของตัวเอง
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับท่านเจ้าสำนักจริง ๆ และผู้แข็งแกร่งที่ก่อเหตุนี้ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นพวกเขาจำเป็นต้องระวังไว้
พวกเขาก็เคยคาดเดาว่าอิ้นอ๋องอาจเกี่ยวข้องกับการแตกสลายและหายไปของแผ่นป้ายชีวิตของท่านเจ้าสำนัก แต่เมื่อคิดให้ดีก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เพราะพละกำลังของอิ้นอ๋องกับท่านเจ้าสำนักแตกต่างกันมากเกินไป และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ผันผวนนี้ในเวลาอันสั้น
ทว่าขณะนี้หมอกสีม่วงในดวงตาของจ้าวอู่เจียงเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนจมลงสู่ก้นดวงตา ซึ่งเป็นสีม่วงลึกล้ำราวกับความมืดสนิท
อีกทั้งบริเวณกลางลำตัวที่ถูกคำสาปกดให้โค้งงอ ได้ยืดตรงขึ้นอย่างสมบูรณ์จนสามารถยืนตระหง่านอย่างสง่างาม
กระทั่งมือที่กำกระจกทองสัมฤทธิ์ไว้ก็ไม่สั่นอีกต่อไป
แม้กระจกทองสัมฤทธิ์จะถูกคำสาปของสำนักโหราศาสตร์หลวงกักขังไว้ แต่จ้าวอู่เจียงยังรู้สึกว่าเขาคือเจ้าของกระจกบานนี้
เหตุใดเขาจึงไม่สามารถหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมาได้?
ทว่าขณะนี้เลือดสดในฝ่ามือของเขาและเลือดสีม่วงแดงที่ไหลลงมาถึงข้อศอก เริ่มไหลย้อนกลับไปตามด้ามยาวของกระจกจนถึงผิวกระจก
“ข้าจะพานางไป”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาที่สุดและไม่อาจโต้แย้งได้
“ท่าน!” ขันทีอาวุโสเวินปู๋เซิ่งรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทนต่อคำสาปอันมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้าของสำนักโหราศาสตร์หลวง และหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
เขาเห็นอิ้นอ๋องยืดตัวตรง และมือหนาที่กำลังถือด้ามกระจกทองสัมฤทธิ์สามารถยกกระจกขึ้นส่องดูได้ราวกับกำลังชื่นชมตัวเอง
“เวินปู๋เซิ่งลงมือ!”
สีหน้าของฮ่องเต้อวิ๋นเหวินเย็นชาลงอย่างสิ้นเชิง
“อิ้นอ๋อง ในเมื่อท่านดื้อรั้นไม่ยอมรับฟัง เช่นนั้นก็อย่าได้ถือโทษโกรธขุนนางเฒ่าผู้นี้เลย!” เวินปู๋เซิ่งรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา เขายกแขนขึ้นโบกมือ พลังวิเศษอันมหาศาลพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า