บทที่ 1445 ไม่มีอะไรต้องกังวล
โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลาย แต่โลกก็มืดมนไร้แสงเช่นกัน
สีสันหลากหลายนั้นคือสภาพดั้งเดิมของโลก ส่วนความมืดมนไร้แสงคือสภาพของโลกในปัจจุบัน
ทั่วทั้งฟ้าดินราวกับมีม่านสีเทาหม่นปกคลุมอยู่ คอยดูดกลืนแสงสว่างจากทุกสีสัน
จ้าวอู่เจียงยืนลอยอยู่กลางอากาศ มองลงมายังภูเขาและแผ่นดินเบื้องหน้า
พื้นดินทรุดตัวพังทลายลง โคลนสีเหลืองปกคลุมพืชพรรณพฤกษา ซากศพเกลื่อนกลาด บางร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อนั้นเริ่มเลือนราง บางร่างไหม้เกรียม และบางร่างเริ่มเน่าเขียว
บนมหาสมุทรขุ่นมัวนั้น มียักษ์น้ำขนาดใหญ่ราวกับค้ำฟ้ายืนอยู่ และยังคงอยู่ในท่าทางที่กำลังขว้างสิ่งของ
ในชั่วขณะที่เซวียนหยวนจิ้งได้เห็นสภาพโลกนี้ ก็ได้วิ่งสุดชีวิตตามเส้นทางที่คุ้นเคยในความทรงจำมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงต้าเซี่ย
จ้าวอู่เจียงรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เขาใช้ปลายเท้าแตะเบา ๆ ก่อนจะตามรอยฝีเท้าของเซวียนหยวนจิ้งไป
โลกดูเหมือนจะเริ่มหมุนอีกครั้งตามการเคลื่อนไหวของเขา เวลาไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป
หลังจากยักษ์น้ำทุ่มเทพลังขว้างสิ่งของแล้ว ร่างยักษ์ของมันก็แตกสลายกลายเป็นน้ำอีกครั้ง ก่อนโปรยปรายลงสู่มหาสมุทร
ลมเริ่มพัดอีกครั้งทั่วฟ้าดิน ฝนเริ่มตกจากท้องฟ้า เหมือนกับในตอนนั้นที่มีฝนเทกระหน่ำลงมา
เยว่ปู้ฝานจ้องมองเซวียนหยวนจิ้งกับจ้าวอู่เจียงที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เขาหัวเราะเยาะโดยที่ไม่คิดจะตามไปขัดขวาง แต่กลับเล็งเป้าหมายพลังไปที่หยางเมียวเจิ้นแทน
การจัดการกับจ้าวอู่เจียงเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว จ้าวอู่เจียงอยู่ที่นี่แล้ว และหนีไปไหนไม่ได้อีก
ครั้งนี้ที่ดินแดนลับของราชวงค์ต้าเซี่ยสามารถเปิดใหม่ได้ เป็นเพราะหยางเมียวเจิ้นแห่งสำนักศรัทธาษฎรต่างหากที่เป็นตัวละครหลักที่แท้จริง
เยว่ปู้ฝานคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจางหลินต้าวผู้เจ้าเล่ห์นั้นต้องมีแผนสำรองไว้ และคงจะเตรียมไว้เพื่อสำนักศรัทธาษฎรหรือศิษย์ของเขาอย่างหยางเมียวเจิ้น
ตอนนี้จางหลินต้าวตายไปแล้ว คนที่สามารถมาถึงดินแดนลับแห่งนี้ได้ก็เหลือไม่มาก นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะลงมือช่วงชิงมาไว้กับตัว
ไม่ว่าจางหลินต้าวจะทิ้งโชคชะตาอะไรไว้ให้สำนักศรัทธาษฎรหรือหยางเมียวเจิ้น ทั้งหมดจะถูกเขาช่วงชิงมาอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับที่เขาเคยช่วงชิงชีวิตและโชคชะตาจากมือผู้อื่นมาก่อน
หยางเมียวเจิ้นเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง นางชำเลืองมองเยว่ปู้ฝานอย่างระแวดระวัง มือกำยันต์แผ่นหนึ่งไว้แน่น ก่อนที่ร่างกายจะหายวับไปทันที นางพลิกตัวเคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพังของสำนักศรัทธาษฎรในโลกนี้
เยว่ปู้ฝานแค่นหัวเราะหนึ่งครั้ง ก่อนจะหายตัวตามเธอไปเช่นกัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า