บทที่ 1472 เจ้ายังคงฟังคำพูดในวัยเยาว์อยู่หรือไม่
“หยุดนะ! ปล่อยเด็กหญิงคนนั้นเดี๋ยวนี้!”
เด็กชายตัวน้อยในวัยราวสี่ห้าขวบในชุดขุนนางน้อย มือถือกระบี่ไม้ขนาดเล็ก ชี้เอียงไปทางปากทางเข้าด้านหน้าถนน ซึ่งมีเด็กร่างใหญ่สี่คนกำลังแย่งอาหารจากขอทานตัวน้อย
ใบหน้าของเด็กชายเต็มเปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรม แม้อายุยังน้อย ทว่ากลับแผ่กลิ่นอายแห่งพลังอำนาจไว้รอบตัว
เด็กโตที่สูงกว่าเด็กชายหลายช่วงศีรษะ แย่งขนมปังสีดำครึ่งชิ้นที่เด็กขอทานกำแน่นไว้ในมือ แล้วหันมาจ้องเด็กชายด้วยสายตาดุดัน
“ไสหัวไป!”
“ข้าจูกัดเสี่ยวไป๋ ข้าจะเป็นยอดฝีมือผู้ปราบความอยุติธรรม เจ้าพวกสวะทั้งหลาย จงตายเสียเถิด!”
เด็กชายถือกระบี่ไม้วิ่งเข้าไป
ในยามนั้นเอง เขาลืมไปว่า ตามกฎของตระกูลจูกัด ก่อนเรียนหนังสือต้องเดินให้เป็นก่อน และก่อนฝึกวรยุทธ์จะต้องเป็นมนุษย์ให้เป็นเสียก่อน ในวัยเช่นนี้ เขาเพิ่งจะอ่านหนังสือออกไม่กี่ตัว และเพิ่งฝึกพลังได้ขั้นแรกเท่านั้น จะไปสู้กับเด็กร่างใหญ่ทั้งสี่คนได้เยี่ยงไร
เมื่อเขาวิ่งเข้าไป เด็กชายตัวน้อยก็ถูกเด็กโตจับหัวไว้ ก้าวต่อไปไม่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว หมัดกระจ้อยร่อยที่ควงอย่างสวยงามของเขาได้เพียงฟาดอากาศ กระบี่ไม้ราวกับกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ขีด ๆ เขี่ย ๆ อยู่บนเสื้อผ้าของเด็กโต
“เจ้าโง่”
เด็กโตผลักจูกัดเสี่ยวไป๋อย่างแรงจนเขาล้มลงกับพื้น
โครม!
ดาบไม้ถูกเด็กโตแย่งไป แล้วใช้เข่าหักเป็นสองท่อน
“เจ้าด้วย!”
พวกเด็กโตไม่แม้แต่จะมองจูกัดเสี่ยวไป๋ พวกเขาหันไปจ้องเด็กขอทานที่ทั้งสกปรกและมีกลิ่นเหม็นด้วยสายตาดุร้าย
“ในเมืองวั่ง เงินหรืออาหารที่ขอทานได้ ต้องแบ่งให้พวกเรา สำนักสามัญชนส่วนหนึ่ง นี่คือกฎ”
“หากเจ้ายังกล้าขัดขืนอีก พวกข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เจอ”
อ้า!
จูกัดเสี่ยวไป๋ร้องเสียงดังลั่น พยายามดีดตัวแบบปลาลี้ฮือ แต่แม้พยายามเท่าไรก็ไม่สามารถพลิกตัวลุกขึ้นได้ แผ่นหลังจึงฟาดลงกับพื้นอย่างแรง
“เจ้าพวกเด็กโง่สองคน” พวกเด็กโตเห็นภาพนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
จูกัดเสี่ยวไป๋หน้าแดงด้วยความอับอาย ยันพื้นลุกขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับเด็กขอทานที่นั่งยอง ๆ อยู่ริมกำแพง โดยไม่เอ่ยคำใด
เมื่อเห็นพวกเด็กโตหัวเราะเยาะ เขาจึงรีบสาวเท้ายาวราวกับก้าวสามก้าวในสองก้าว พุ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กขอทานแล้ววิ่งหนี
ร่างเล็ก ๆ สองร่างมุดหายเข้าไปในตรอกเล็ก เมื่อพวกเด็กโตรู้ตัวก็วิ่งไล่ตามมา
เสียงลมในวัยเยาว์พัดโชยมา เด็กชายและเด็กขอทานวิ่งสุดฝีเท้า
ไม่รู้ว่าวิ่งนานเท่าใด แสงตะวันยามอัสดงก็สาดส่องทั่วทุ่งข้าวสาลีเสียแล้ว สายลมที่พัดผ่านมาทำให้พวกเขาแสบตาเล็กน้อย
ทั้งสองนั่งยอง ๆ อยู่ในทุ่งข้าวสาลี พวกเขาหันหน้าเข้าหากัน
เด็กชายล้วงขนมก้อนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นส่งให้
ใบหน้าของเด็กขอทานแม้เปื้อนสกปรก ทว่าดวงตากลับเป็นประกายวาววับ ขอทานตัวน้อยรีบคว้าขนมมากินทันที
ทั้งสองไม่พูดอะไร เด็กชายล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ ตั้งใจจะเช็ดหน้าให้เด็กขอทาน เด็กขอทานหลบเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้เด็กชายเช็ดหน้าให้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า