บทที่ 1477 สนทนายามราตรี
นอกกระท่อมภายใต้แสงจันทร์อันสงบนิ่ง เงาใต้เท้าของถูซานซูซูทอดยาวแยกออกจากตัวนางไปคนละทิศ
นางยืนอยู่ริมหน้าผา ไม่ไกลนักคือลู่เสี่ยวจิ่นที่กำลังร่ายรำกระบี่ใต้แสงจันทร์ อาภรณ์ดำสนิท เส้นผมดำขลับและปราณกระบี่พลิ้วไหวตามสายลม ท่วงท่าสง่างามองอาจ ทั้งยังงดงามอ่อนช้อย
“เจียงหน่ายจวินมิใช่คนเลวร้าย”
ลู่เสี่ยวจิ่นลากกระบี่วาดลวดลายจบท่า แล้วสอดกระบี่เข้าฝัก จากนั้นจึงหันมามองนาง
“ข้ารู้” ถูซานซูซูยิ้มอย่างสดใส งดงามราวกับบุปผาผลิบาน
ลู่เสี่ยวจิ่นกล่าวต่อ
“เจ้าสามารถรั้งเขาไว้ได้”
“ข้ารู้”
สายตาของถูซานซูซูทอดผ่านลู่เสี่ยวจิ่นไป ก่อนจะมองไปยังขุนเขาไกลที่เขียวครามดั่งคิ้วโค้งของอิสตรี
“ซูซู เจ้ารู้ทุกอย่าง แต่เจ้ากลับไม่ทำอันใดเลย” ลู่เสี่ยวจิ่นรวบผมดำขลับที่ยาวดั่งธารน้ำตกขึ้นอย่างลวก ๆ
“หากข้าลู่เสี่ยวจิ่นชอบใคร ข้าก็จะไล่ตาม ค้นหา และคว้าคนผู้นั้นมาให้ได้!”
ถูซานซูซูส่ายหน้าพลางยิ้ม ดวงตานางทอดต่ำลงเล็กน้อย
“ข้ามิได้ชอบเขา…”
————
ดินแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนกลางตระกูลหลี่
ณ ริมสระน้ำในป่าไผ่ หลี่เว่ยยางมิได้นั่งตกปลาอย่างที่เคยทำ ทว่านั่งเล่นหมากกับตนเองอยู่เพียงลำพัง
เขาสวมอาภรณ์สีแดง มือซ้ายถือหมากดำ มือขวาจับหมากขาว ดวงตาจับจ้องกระดานหมากอย่างไม่วางตา
ทันใดนั้น สระน้ำเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ไอเย็นลอยขึ้นสู่อากาศ ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นเงาร่างมนุษย์อันพร่าเลือน
“เจ้ายังมีอารมณ์นั่งเล่นหมากกับตัวเองอีกหรือ?”
หลี่เว่ยยางไม่ได้เหลียวมองเสียงน่ารำคาญนั่น นัยน์ตายังคงจดจ่ออยู่กับกระดานหมากที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด พลางตอบกลับเสียงเรียบ
“มีอะไรหรือ? มีเรื่องผิดปกติอะไรหรือ?”
“ยังไม่มีเรื่องผิดแปลกอันใดเกิดขึ้น” เงาร่างพร่าเลือนลอยเข้าไปหาหลี่เว่ยยาง
หลี่เว่ยยางจึงค่อย ๆ วางหมากดำลง
“เช่นนั้นแล้ว เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุอันใดกัน?”
ไอเย็นรวมตัวกันตรงหน้าหลี่เว่ยยาง เงาร่างอันพร่าเลือนจึงค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
“การตายของหวังอ่ายจากตระกูลหวัง และเยว่ซานจากตระกูลเยว่ มีบางอย่างน่าพิกลนัก”
หลี่เว่ยยางใช้มือขวาถือหมากขาวแกว่งไปมาบนกระดาน ยังไม่ได้วางลงตำแหน่งใด เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า
“เจ้าเพิ่งรู้ตัวหรอกหรือ หลังจากพวกเขาเกิดเรื่อง ข้าเองก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ คาดว่าในหมู่พวกเรามีคนที่พยายาม ‘กลับใจ’ แล้วเปิดเผยความลับออกไป”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า