บทที่ 1487 มิอาจคาดเดา
“เขาคงถูกจัดการไปแล้ว…”
เด็กอ้วนหวังเทียนป้างกำลังดึงขนของเจ้าสัตว์กลืนทองไปมา เขาพยายามดึงขนของมันออกมาสักเส้น แต่ถึงแม้จะออกแรงสุดชีวิตก็มิสามารถดึงมันออกมาได้แม้แต่ครึ่งเส้น
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างศิษย์พี่หญิงกับจางกั่วกั่วเอ๋อร์ เขาก็พึมพำแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ความจริงแล้วหวังเทียนป้างไม่ได้มีนามว่าหวังเทียนป้าง นามที่แท้จริงของเขาคือหวังเถิง ส่วนเทียนป้างเป็น ‘ชื่อเล่น’
คำว่าเทียนป้าง ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึงคนที่ชอบก่อเรื่อง คนที่ทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบ หรือเป็นคนใจกล้า และคนหุนหันพลันแล่น
ในระดับหนึ่งก็เทียบเท่ากับคนเขลา คนป่าเถื่อน
จางเพียเอ๋อร์ที่ปกติไม่ค่อยพูด เมื่อได้ยินพี่ชายหวังเทียนป้างเอ่ยถึงพ่อของเขาเช่นนั้น ก็ตะโกนเสียงดังว่า
“ไม่ใช่ ไม่ใช่! เจ้าต่างหากที่ควรถูกจัดการ”
“จริง ๆ นะ” หวังเทียนป้างแยกเขี้ยวยิงฟันพลางดึงขนของสัตว์กลืนทอง
“คืนหนึ่ง ข้าเห็นจางเซ่าไป๋นั่งอยู่คนเดียว เขาเอ่ยบางสิ่งออกมาเบา ๆ แต่ข้าก็หูไวได้ยินมาบ้าง เขาเอ่ยว่ามีคนจะมาแย่งส้มของสำนักชิงเฉิงพวกเรา แล้วยังจะมาก่อเรื่องตีกัน อันใดทำนองนั้น”
“ที่ในยามนี้เขายังมิได้ไล่ตามมา คงเพราะกำลังวางแผนอยู่ เขาคนเดียวจะเอาชนะคนพวกนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาคงจะกำลังเจอปัญหาแล้วล่ะสิ?”
สตรีงามขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งขึ้น มือที่อุ้มเด็กน้อยเริ่มสั่นเทา
มือที่กำลังปอกผลไม้ของว่านจื่อชะงักไปชั่วขณะ แม้ว่าหวังเทียนป้างจะร่าเริงเกินไปจนน่ารำคาญ แต่เขามิเคยโกหก นั่นหมายความว่าอาจารย์อาจตกอยู่ในภยันตรายจริง ๆ
นางรีบตบศีรษะของสัตว์กลืนทองทันที
“แมวน้อย หยุดก่อน พวกเราต้องกลับไป”
สัตว์กลืนทองหยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมา ดวงตาใหญ่ใสบริสุทธิ์กะพริบไปมา แววตาเต็มไปด้วยความฉงน
“กลับไปมิได้!” สตรีงามเอ่ยห้าม นางมีสีหน้าเป็นกังวล แม้นางจะรู้ว่าในยามนี้จางซู่ไป๋อาจตกอยู่ในอันตราย แต่นางก็ยังคงตัดสินใจที่จะมิกลับไป
นางตบศีรษะสัตว์กลืนทองหนึ่งที แล้วออกคำสั่ง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า