บทที่ 157 การบังคับและการจูงใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับความเงียบ จ้าวอู่เจียงก็ทราบดีว่าเหล่าขุนนางกำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มเตรียมใจมาก่อนแล้วว่าการจะให้ขุนนางใหญ่เหล่านี้บริจาคเงินนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น ขุนนางเหล่านี้ทราบดีว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ หากอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามีปัญหากับพวกเขาอย่างแน่นอน
จ้าวอู่เจียงกวาดสายตามองกลุ่มขุนนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากหมาป่า
“สหายขุนนางทุกท่าน ได้โปรดช่วยกันบริจาคคนละหนึ่งหมื่นตำลึงด้วยเถอะ! ข้ามีสมุดบัญชีหลายเล่มอยู่ในมือ ผู้ตรวจสอบหลายคนก็เห็นเนื้อหาภายในสมุดบัญชีเหล่านั้นแล้ว ข้าเพียงไม่ทราบว่าสมุดบัญชีเหล่านั้นควรมีมูลค่าเท่าใด?”
จ้าวอู่เจียงกล่าวต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แววตาทอประกายหนักแน่นมากขึ้น เหมือนเขากำลังบอกทุกคนว่าถ้าไม่มีใครกล้าบริจาค รับรองว่าได้เดือดร้อนกันหมดแน่!
หลังจากได้ยินว่ามีสมุดบัญชีอยู่ในมือของจ้าวอู่เจียง ขุนนางใหญ่หลายท่านก็มีอาการตึงเครียดขึ้นมาทันที อย่างเช่นขุนนางต้าหลี่เจิ้งและขุนนางเส้าชิงรวมไปถึงพรรคพวก พวกเขาทราบดีว่าสมุดบัญชีที่อีกฝ่ายพูดถึงคืออะไร
หากจ้าวอู่เจียงบ้าคลั่งมากพอจนนำสมุดบัญชีเหล่านั้นมาเอาผิดพวกเขา หน้าที่การงานในราชสำนักย่อมถึงคราวจบสิ้นเป็นแน่แท้
ขุนนางต้าหลี่เจิ้งจ้องมองจ้าวอู่เจียงด้วยแววตาเคร่งขรึม ก่อนจะไอออกมาแห้ง ๆ ไม่กล้ามองหน้าผู้ใดอีก แต่ก็ตะกุกตะกักพูดออกไป
“ขะ… ข้ายินดีบริจาค… หนึ่งหมื่นตำลึง…”
เมื่อขุนนางต้าหลี่เจิ้งกล่าวออกไปเช่นนี้ บรรดาขุนนางจำนวนมากก็เริ่มส่งเสียงอุทาน จ้าวอู่เจียงแค่ขอความสมัครใจในการบริจาค เหตุใดถึงต้องทำตามคำสั่งด้วย?
แต่ยังไม่ทันที่เสียงอุทานจะเงียบหายไป ขุนนางเส้าชิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่ายินดีบริจาคให้อีกหนึ่งหมื่นตำลึงเช่นกัน
ขุนนางหลายคนเริ่มเกิดความไม่พอใจทันที
“พวกท่านเป็นถึงขุนนางที่มีลำดับยศสูงกว่าขั้นหกทั้งสิ้น นับว่าเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง คิดบริจาคเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง ไม่ถือว่าน้อยนิดเกินไปหรือ?” ดวงตาของจ้าวอู่เจียงทอประกายไม่ต่างจากคมมีด
“หรือว่าตำแหน่งขุนนางของพวกท่านมีมูลค่าเพียงหนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น? หากเป็นเช่นนั้น…”
“ใต้เท้าจ้าว ข้ายินดีบริจาคอีกสองหมื่นตำลึง!” ขุนนางต้าหลี่เจิ้งกล้ำกลืนกัดฟัน แต่สีหน้าเคร่งเครียดของจ้าวอู่เจียง ทำให้เขาจึงไม่กล้าเสี่ยงจริง ๆ
ขุนนางเส้าชิงก็เห็นด้วยเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันนี้ จำนวนขุนนางที่ร่วมบริจาคก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้พวกเขาจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนขุนนางส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานเลี้ยง แต่พวกเขาก็ร่วมบริจาคด้วยความรู้สึกตื่นกลัว
คนอื่น ๆ ตกตะลึงยามจ้องมองจ้าวอู่เจียง ชายหนุ่มหมายถึงสมุดบัญชีอะไรกัน? เหตุใดถึงสามารถทำให้เหล่าขุนนางใหญ่เปลี่ยนท่าทีได้เช่นนี้?
ขุนนางเส้าชิงก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเย็นชา ประสานมือให้แก่จ้าวอู่เจียง
“ใต้เท้าจ้าว ข้ายินดีบริจาคให้ท่านอีกหนึ่งหมื่นตำลึง!”
เมื่อเห็นขุนนางเส้าชิงผู้เป็นขุนนางขั้นสี่พูดออกมาเช่นนั้น จ้าวอู่เจียงก็ได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในใจ ล้วงแผ่นป้ายสองแผ่นออกมาจากแขนเสื้อและโยนพวกมันไปกลางห้องจัดงานเลี้ยง
กลุ่มขุนนางใหญ่ต่างก็เฝ้าดูด้วยความตกตะลึง แผ่นป้ายทั้งสองนั้นเป็นป้ายประจำตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังและเสนาบดีกรมกลาโหม ทุกคนตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ ก่อนจะจ้องมองไปที่จ้าวอู่เจียงด้วยแววตาเหลือเชื่อ
จ้าวอู่เจียงยิ้มเล็กน้อย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า