บทที่ 1574 ถ้าเขาพูดได้ ก็ให้พูดเยอะหน่อย
ยาน้ำกิ้งก่าที่ทำให้คนทั่วไปเจ็บปวดจนต้องกระโดดโลดเต้นและรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งศีรษะกลับไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจของจ้าวอู่เจียงได้
เขาเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แขนขวาที่ถูกตัดสั้นราวกับมีเนื้อหนังเป็นหนวดค่อย ๆ เคลื่อนไหวและงอกออกมา
ผู้คนที่อยู่ในที่นั้นต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้า คนรับใช้ตระกูลโม่ต่างมองจ้าวอู่เจียงด้วยความชื่นชม พวกเขาเพิ่งเคยเห็นคนที่ใช้ยาน้ำกิ้งก่าโดยไม่ต้องใช้ยาชาร่วมด้วยเป็นครั้งแรก
ช่างเป็นคนใจกล้าจริง ๆ
การที่เนื้อหนังงอกอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นนั้นเจ็บปวดที่สุด เพราะความเจ็บปวดนี้ละเอียดอ่อนมาก ทั้งยาวนาน และไม่อาจต้านทานได้ มันแทรกซึมเข้าไปในทุกนิ้วของผิวหนังและกระดูก ราวกับถูกฉีกขาดแล้วประกอบใหม่
ทรมานยิ่งกว่าการถูกชำแหละเนื้อเถือกระดูก
จ้าวอู่เจียงไม่สนใจสายตาของผู้คน ยาน้ำกิ้งก่าที่ถูกฉีดเข้าร่างกายเขานั้น เขาไม่ได้ใช้มันเลยสักหยด แต่กลับเก็บหรือซ่อนมันไว้
ร่างของเขาแต่เดิมก็เป็นร่างดอกบัวอยู่แล้ว ร่างกายจึงเหมือนรากบัวในระดับหนึ่ง แม้รากขาดแต่เส้นใยยังเชื่อมต่อ เขาเพียงแค่แบ่งเนื้อหนังส่วนหนึ่งมาสร้างใหม่เท่านั้น
เช่นเดียวกับนาจาที่มีร่างเป็นรากบัว เวลาต่อสู้ก็แปลงร่างเป็นสามหัวหกแขน
ตามหลักแล้วสามหัวหกแขนก็คือการสร้างเนื้อหนังเพิ่มเติม เจ็บไหม? แน่นอนว่าไม่เจ็บ
จ้าวอู่เจียงตอนนี้ไม่ได้มีสามหัวหกแขน เขามีเพียงหนึ่งหัวสองแขน เช่นนั้นแล้วยิ่งไม่รู้สึกเจ็บ เพราะการมีแค่สองแขนไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด
นอกประตูมีเงาร่างเล็กบอบบางวิ่งเซมาอย่างรวดเร็ว หม่าซูเยี่ยนที่มีรูปร่างเหมือนสาวน้อยบุกเข้ามาในห้องพยาบาลของตระกูลโม่
เมื่อได้รับข่าวว่าจ้าวเจียงบาดเจ็บ เธอรีบมาทั้งที่ขายังเจ็บและเอวยังอ่อนแรง พอเห็นจ้าวอู่เจียงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บบนเตียงคนไข้ น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้า
แต่ต่อหน้าเพื่อนรักทั้งสอง เธอก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เพียงแต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“นายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
จ้าวอู่เจียงที่เนื้อหนังกำลังค่อย ๆ ฟื้นคืนสภาพ ยิ้มพลางพยักหน้าเบา ๆ กล่าวเสียงนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรแล้ว”
หม่าซูเยี่ยนถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โม่หรานหร่านแม้จะหมายปองจ้าวอู่เจียง แต่ในตอนนี้ด้วยความสัมพันธ์เพื่อนสนิทระหว่างเธอกับหม่าซูเยี่ยน เธอควรรู้กาลเทศะถอยออกมา จึงหาข้ออ้างลุกขึ้นช้า ๆ
“ถ้านายต้องการอะไร บอกพวกคนรับใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ขอแค่นายเอ่ยปาก ส่วนเรื่องของเสี่ยวหลีนั้นเกี่ยวกับตระกูลโม่ ในฐานะพี่สาว ฉันซาบซึ้งใจมากจริง ๆ”
จ้าวอู่เจียงผงกศีรษะ
โม่หรานหร่านพาโม่หลีจากไป โม่หลีไม่ชอบพูดจา แต่ขณะจากไปกลับเหลียวมองจ้าวอู่เจียงอีกครั้ง
โม่หลีรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวเจียงถึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเองแบบนี้กับเธอ ยิ่งตอนนี้เมื่อได้พบคนรักเก่าของจ้าวเจียงแล้ว เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึก ๆ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า