บทที่ 1581 การปะทะกัน
“พี่ชายจ้าวเจียง ตลอดเส้นทางนี้ รบกวนคุณด้วยนะ”
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ซีเหมินฉางไห่ที่ยังคงพันผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอยู่ได้รับการคุ้มกันจากจ้าวอู่เจียงในการเดินทางไปยังจุดกระโดดข้ามอวกาศของตระกูลโม่
ในงานวันเกิดของโม่หลี ซีเหมินฉางไห่เคยเยาะเย้ยจ้าวเจียงเรื่องของโม่หรานหร่าน แต่ตอนที่เกิดระเบิด ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวเจียงดูดซับพลังระเบิดส่วนหนึ่งไว้ได้ทันท่วงที เขาก็คงไม่ใช่แค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
ดังนั้นหลังจากได้รับการรักษาจนพอเดินได้แล้ว เมื่อรู้ว่านักล่าเงินรางวัลจ้าวเจียงจะคุ้มกันเขากลับไปยังดาวเสี่ยวชาง แม้จะรู้สึกอึดอัด แต่ซีเหมินฉางไห่ก็ยังฝืนหน้าด้านเอ่ยขอบคุณจ้าวเจียง
ศัตรูควรคลี่คลาย ไม่ควรผูกเวร ตัวเขาเองก็ไม่มีความแค้นอะไรกับจ้าวเจียง และการแย่งชิงความรักจากหญิงสาวก็เป็นเรื่องปกติของเพศชาย เมื่อคิดได้แบบนี้ จึงจริงใจที่จะขอโทษและขอบคุณจ้าวเจียง
แน่นอน ที่เขาสุภาพกับจ้าวเจียงแบบนี้ เพราะยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการ คือในกลุ่มที่จะเดินทางไปจุดกระโดดข้ามอวกาศด้วยกันนั้น นอกจากจ้าวเจียงแล้ว ยังมีอวี้เซี่ยวหู่ และบุคคลสำคัญอย่างคุณหนูตระกูลอวี้ อวี้มู่หว่าน หนึ่งในสิบเทพธิดาแห่งอาณาเขตพันดาราอยู่ด้วย
เมื่อมีเทพธิดาร่วมทาง เขาซีเหมินฉางไห่จะเสียมารยาทได้อย่างไร
จ้าวอู่เจียงมีดวงตาและจิตใจที่เฉียบคม จึงสามารถมองทะลุความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของซีเหมินฉางไห่ได้หมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เพียงพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรให้เสียบรรยากาศ
อวี้เซี่ยวหู่มีรูปร่างกำยำ หลังจากชุดกีฬาหมายเลข 23 ของเขาถูกไฟไหม้ เขาก็เปลี่ยนมาใส่ชุดกีฬาสีดำหมายเลข 8 กอปรกับผมสั้นที่ตั้งแข็งราวกับเข็มเหล็ก ก็ขับให้ลุคของเขาดูดุดันน่าเกรงขาม ทั่วทั้งร่างปล่อยกระแสพลังอันน่าเกรงกลัว
และในวันนี้เขาก็จะกลับดาวเทียนหลางเช่นกัน จึงร่วมทางไปจุดกระโดดข้ามอวกาศของตระกูลโม่กับจ้าวอู่เจียงและซีเหมินฉางไห่ และในระหว่างการเดินทางก็ถือโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบำเพ็ญตนแบบโบราณกับจ้าวเจียงด้วย
ในใจของอวี้เซี่ยวหู่ นักพรตโบราณนั้นหาได้ยากมาก ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าการที่นักล่าเงินรางวัลจ้าวเจียงฝึกวิชาเทียนกังถงจื่อนั้นเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้พบตัวจริงถึงพบว่าจ้าวเจียงมีร่องรอยของนักพรตโบราณจริง ๆ
อวี้เซี่ยวหู่ที่เตรียมหัวข้อสนทนาไว้พร้อมเพื่อพูดคุยกับจ้าวเจียง กลับพบกับน้องสาวของตน อวี้มู่หว่านที่เพิ่งออกมาจากตระกูลโม่
“เธอไม่มีธุระเหรอ?” อวี้เซี่ยวหู่ถาม
จ้าวอู่เจียงเหลือบมองอวี้มู่หว่านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเทพธิดา
อวี้มู่หว่านเป็นสตรีที่รูปร่างสูงโปร่ง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวนวล รูปแบบกระโปรงคล้ายกระโปรงหน้าม้า ทำผมหางม้ามัดสูง ดูสง่างามองอาจ
เพียงแต่เขาไม่สามารถเห็นใบหน้าของอวี้มู่หว่านได้ เพราะนางสวมหน้ากากเช่นเดียวกันกับตน บนหน้ากากมีสีสันเข้มข้น มองไม่ออกว่าเป็นลวดลายใด ดูคล้ายการขีดเขียนตามอำเภอใจมากกว่า
“ได้ข่าวว่างานวันเกิดของเสี่ยวหลีเกิดระเบิดขึ้น ฉันว่างอยู่พอดีเลยแวะมาดู” อวี้มู่หว่านพูดด้วยสำเนียงคล้ายอวี้เซี่ยวหู่ ดูเป็นทางการและมีกลิ่นอายโบราณ
จุดนี้เห็นได้จากการแต่งกาย ส่วนใหญ่ผู้ที่ชื่นชอบความเป็นโบราณมักชอบพูดจาอ้อมค้อม แน่นอนว่ายกเว้นพวกที่ทำเพียงแค่ตามกระแส
ดจ้าวอู่เจียงลองสัมผัสพลังของอวี้มู่หว่านคร่าว ๆ และสรุปเบื้องต้นว่า อวี้มู่หว่านก็เป็นนักพรตโบราณเช่นเดียวกับอวี้เซี่ยวหู่ แต่บนร่างของอวี้มู่หว่านไม่มีวิญญาณของจิ้งเอ๋อร์เหมือนกับโม่หลี เขาจึงไม่สนใจนางไปมากไปกว่านี้
ในร่างของโม่หลีมีวิญญาณของจิ้งเอ๋อร์ เขาจะต้องเอากลับคืนมาให้ได้
แต่ตอนนี้เขายังไม่มีแผนจะลงมือ เพราะเมื่อประเมินกำลังของตนและตระกูลโม่คร่าว ๆ แล้ว หากบุ่มบ่ามลงมือกับโม่หลีในตอนนี้แล้วไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างเพื่อให้ตระกูลโม่ยินยอมได้ เขาก็จะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลโม่ และอาจจะไม่สามารถถอนตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย
ตั้งแต่ข้ามผ่านห้วงอวกาศมาถึงดวงดาวดวงนี้ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าวรยุทธ์ของตนถูกกดทับ ในอากาศรอบด้านมีสสารที่มองไม่เห็นคอยจำกัดไม่ให้เขาสามารถใช้พลังได้เต็มที่
แต่เดิมเขาก็อยากจะปรึกษาเรื่องข้อสงสัยนี้กับอวี้เซี่ยวหู่ ในฐานะ ‘คนรุ่นใหม่’ ที่ฝึกฝนวิชาโบราณ แต่กลับถูกอวี้มู่หว่านแทรกเข้ามาอย่าง ‘ไม่ถูกจังหวะ’ เสียก่อน
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า