บทที่ 159 ฮ่องเต้หญิงสำนึกเสียใจ
[ท่านราชเลขาหลิวเจ๋อเพียงผู้เดียวก็บริจาคเป็นเงินถึงหนึ่งแสนตำลึง ส่วนขุนนางคนอื่น ๆ ก็บริจาคกันไม่ต่ำกว่าคนละหนึ่งหมื่นตำลึง แม้แต่ขุนนางชั้นผู้น้อยก็ยังรวบรวมเงินกันเป็นก้อนใหญ่บริจาคถึงสี่หมื่นตำลึง…]
ในฎีกาฉบับนี้ระบุว่าขุนนางเส้าชิงบริจาคเป็นเงินทั้งหมดสองหมื่นตำลึงทอง ตัวของข้าน้อย หลิ่วว่านซานเองบริจาคห้าหมื่นตำลึงเงิน ทางด้านจ้าวอู่เจียงซึ่งเป็นตัวแทนของหอคัมภีร์หลวงบริจาคอีกหนึ่งหมื่นตำลึงทอง หลี่อู่สือ ขุนนางอาวุโสแห่งกรมพิธีการบริจาคสามหมื่นตำลึงเงิน
รวมยอดบริจาคทั้งหมดแล้วเจ็ดแสนสองหมื่นสามพันตำลึงเงินกับอีกห้าหมื่นแปดพันตำลึงทอง
[เงินทองทั้งหมดจะถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ท้องพระคลังในยามโหย่ว กระหม่อมจะรอรับการตรวจสอบและอนุมัติจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ]
หลังจากอ่านฎีกาฉบับนี้จบ ฮ่องเต้หญิงก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ในหัวใจปรากฏความสะพรึงกลัว
ก่อนหน้านี้ นางเคยขอร้องให้ขุนนางพวกนี้บริจาคเงินมาแล้ว แต่พวกเขาก็ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี จ้าวอู่เจียงไปพูดอะไรกับพวกเขากัน ถึงทำให้ขุนนางหน้าเลือดพวกนั้นยอมบริจาคเงินอย่างง่ายดาย?
เกิดอะไรขึ้น? จ้าวอู่เจียงสามารถทำได้อย่างไร?
มือของฮ่องเต้หญิงที่กำลังถือม้วนกระดาษสั่นเทา นางอ่านฎีกาทวนซ้ำอีกรอบด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้นจึงมั่นใจว่านี่คือความจริง
หน้าอกของนางสั่นไหวกระเพื่อมขึ้นลง ใจหนึ่งก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถแก้ปัญหาท้องพระคลังว่างเปล่าได้แล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่วิเศษอย่างยิ่ง
จ้าวอู่เจียงสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงให้แก่บ้านเมือง แม้แต่ขุนนางจอมเจ้าเล่ห์ก็ยังต้องยอมก้มหัวให้ ฮ่องเต้หญิงอยากจะให้รางวัลกับเขายิ่ง… แต่แล้วริมฝีปากของนางก็สั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อย ได้แต่อุทานอยู่ในใจว่าแย่แล้ว
นางนึกถึงข้อตกลงที่ตนเองทำเอาไว้กับจ้าวอู่เจียง การเดิมพันที่นางไม่นึกว่ามันจะเป็นไปได้
ฮ่องเต้หญิงกลืนน้ำลายอย่างลำบาก ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
หลังจากนี้ นางจะต้องเปลี่ยนจากการใช้มือ มาเป็นการใช้ปากจริง ๆ หรือ
กษัตริย์ตรัสแล้วจะไม่คืนคำ แต่ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากเท่านั้น
ทุกครั้งที่นางสนมเข้ามารับใช้ นางมักจะตื่นเต้นและคาดเดาว่าจ้าวอู่เจียงจะทำสิ่งใดต่อไปบ้าง แต่ในขณะนี้ ฮ่องเต้หญิงทั้งสับสนมึนงง ประสบการณ์ประเภทใดกันที่กำลังจะรอนางอยู่ข้างหน้ากันแน่?
…
มันจะเป็นประสบการณ์ประเภทใดกันนะ? จ้าวอู่เจียงกลับมาถึงตำหนักหย่างซินด้วยสภาพมึนเมาเล็กน้อย เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ และพบว่าฮ่องเต้หญิงไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงรอคอยการปรากฏตัวของนางด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
แต่รอแล้วรอเล่า ตั้งแต่ช่วงต้นยามโหย่ว ไปจนเข้ายามซวี
เวลาเดินไปข้างหน้าจนแสงสว่างนอกตำหนักหมดลง ดวงดาวเริ่มปรากฏบนฟากฟ้า แต่ฮ่องเต้หญิงก็ยังไม่กลับมา
นางออกมาเดินเล่นนอกตำหนักหย่างซินได้พักใหญ่แล้ว รู้ดีว่าบัดนี้จ้าวอู่เจียงคงกำลังรอคอยนางอยู่ หัวใจเต็มไปด้วยความอับอาย นึกเสียใจเหลือเกินที่กล้าไปเดิมพันเรื่องน่าอายเช่นนั้น
แต่ราตรีกำลังคืบคลานเข้ามา นางจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดได้?
แม้จะหลบหนีคืนนี้ไปได้ แล้วอนาคตข้างหน้าเล่า? ต่อให้หลบหนีวันพรุ่งนี้ได้ ก็ยังหลบหนีวันมะรืนไม่ได้อยู่ดี!
ผ่านไปเนิ่นนาน ฮ่องเต้หญิงถอนหายใจยาวแรง ก่อนจะก้าวเท้าเดินกลับไปยังตำหนักหย่างซิน
…
“อืม…มีความอุ่นเล็กน้อย…”
“รสชาติออกจะแปลกประหลาด…”
ฮ่องเต้หญิงมีสีหน้าไม่ชอบใจ
จ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฝ่าบาทรู้สึกได้ถึงรสชาติแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? นี่หมายความว่ามวลพลังหยางกำลังเคลื่อนไหว!”
ฮ่องเต้หญิงพยักหน้าช้า ๆ คิ้วขมวดมุ่น สีหน้าเคร่งเครียด



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า