บทที่ 174 ศัตรูกำลังมา
ครึ่งชั่วยามให้หลัง กลุ่มคนจากสำนักมังกรเงินก็มาถึงหน้าสำนักไร้ขอบเขตซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของตัวเมือง
บุรุษชุดดำสั่งให้ลูกสมุนเฝ้าทางออกทุกจุดของสำนักไร้ขอบเขตเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายในสำนักหลบหนีออกไปได้
“ไม่มีแม้แต่คนเฝ้าประตูด้วยซ้ำ นี่หรือสำนักไร้ขอบเขต? หึ! ควรจะเรียกว่าสำนักไร้ความคิดจะดีกว่า…” อู๋ฉินหยางก้าวเดินผ่านประตูสำนักไร้ขอบเขตเข้าไปด้านใน สายตากวาดมองไปรอบกายด้วยความเหยียดหยาม
อันผิงกับฉีเล่อติดตามไปทางด้านหลัง อันผิงบอกรายละเอียดโครงสร้างที่ตั้งทางด้านในให้ฉีเล่อได้รับทราบ เขารู้ดีเพราะตนเองเคยมาที่นี่ และเผชิญหน้ากับฉีหลินมาแล้ว
“นั่นคือห้องตำราของเจ้าสำนักมังกรเกล็ดศิลา พิจารณาดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันของสำนักไร้ขอบเขต พวกมันยังคงใช้งานที่ตั้งทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีคนเฝ้าประตู สงสัยจะขาดกำลังคน บัดนี้พวกมันคงรวมตัวกันอยู่ในห้องตำราเป็นแน่” อันผิงยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะเดินตรงไปยังประตูห้องตำรา เขาโคจรพลังลมปราณในร่างกาย และปลดปล่อยจิตสังหารออกไปอย่างแรงกล้า
…
ในห้องตำรา ผู้อาวุโสสองพี่น้องจากตระกูลซูและกู้เหนียนหยวน ผู้อาวุโสหญิงแห่งสำนักมังกรเกล็ดศิลากำลังปรึกษากันว่า จะหาคนจากที่ใดมาเข้าสำนักไร้ขอบเขต บัดนี้ เจียงเมิ่งลี่ หลี่หยวนเจิ่งและคนอื่น ๆ ออกไปสืบข่าวในนครหลวง เพื่อค้นหาเบาะแสบางอย่าง
ส่วนจ้าวอู่เจียงก็กำลังปลอบโยนฮั่วหรูอี้อยู่ในห้องพักทางด้านหลัง
ฮั่วหรูอี้มองเห็นสิ่งของก็นึกถึงผู้คนที่จากหาย เมื่อกลับมาสู่ที่ตั้งของสำนักมังกรเกล็ดศิลา และพบกับบรรยากาศที่คุ้นเคย ความเศร้าจึงกัดกินหัวใจมากขึ้น ใบหน้างดงามหมองเศร้า หยาดน้ำตาร่วงหล่นเต็มสองแก้ม นางกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของจ้าวอู่เจียง นางกอดเอวเขา ซุกใบหน้าลงไปในวงแขนแข็งแกร่ง
ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธ เขานั่งนิ่ง เป็นที่พึ่งพิงให้ฮั่วหรูอี้ร้องไห้ต่อไป
ผู้อาวุโสจากสำนักมังกรเงินอู๋ฉินหยางและผู้ติดตามอีกสามคนมาถึงหน้าประตูห้องตำรา กู้เหนียนหยวนกับพรรคพวกรู้สึกได้ถึงมวลพลังอันแรงกล้าที่คุกคามเข้ามาจากด้านนอก
“ไม่ทราบว่าพวกเจ้าเป็นผู้ใด? และเหตุใดจึงมายังสำนักไร้ขอบเขตของเรา?” ซูเหลียงจิ่วมีสีหน้าเคร่งเครียด รีบโคจรพลังลมปราณ เตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้
“เหตุผลแรกคือมาเพื่อฆ่าเจ้า! เหตุผลที่สองคือมาเพื่อทำลายสำนักไร้ขอบเขต แต่หากอยากรอดชีวิตก็จงเข้าร่วมกับสำนักมังกรเงินซะ!” อันผิงผู้สวมใส่ชุดสีน้ำเงินก้าวเดินตรงเข้าไปหาซูเหลียงจิ่วพร้อมด้วยฉีเล่อ
ในความคิดเห็นของเขา คนทั้งหมดที่อยู่ในห้องตำรานั้น ซูเหลียงจิ่วน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตยอดยุทธ์ขั้นสี่ระดับกลางเท่านั้น ส่วนอีกสองคนน่าจะเพิ่งขึ้นขอบเขตยอดยุทธ์ขั้นสี่ได้ไม่นาน อันผิงจึงมั่นใจว่าตนเองและฉีเล่อย่อมสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคนได้อย่างไม่มีปัญหา
“พูดจาวางท่าใหญ่โตยิ่งนัก!” ซูเหลียงจิ่วขมวดคิ้ว ซูซานชางโคจรพลังพร้อมแล้วสำหรับการต่อสู้ กู้เหนียนหยวนผู้ยืนอยู่ด้านข้างปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจากดวงตาเช่นกัน
อันผิงชักกระบี่ออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า