บทที่ 176 ความแข็งแกร่งของสำนักไร้ขอบเขต
อู๋ฉินหยางใบหน้ากระตุก นับตั้งแต่ที่ชายสวมหน้ากากอสูรปรากฏกายขึ้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังกดดันอันหนักหน่วง ตัวเขาเองอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว ต้องมีความแข็งแกร่งระดับใดถึงทำให้เขารู้สึกกดดันได้ถึงขนาดนี้? แทบจะไม่ต้องใช้ความคิดเลย ชายสวมหน้ากากเหล่านี้ต้องอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์อย่างแน่นอน
อู๋ฉินหยางไม่อยากเชื่อเลยว่าสำนักเล็ก ๆ อย่างสำนักไร้ขอบเขตจะมีสมาชิกเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ นั่นทำให้เขาต้องการจะหลบหนี แต่ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นจับข้อเท้าเอาไว้ สองเท้าของชายชราถูกตรึงไว้กับพื้นห้อง ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย
ไม่ได้การ เขาต้องหลบหนีให้ได้ แม้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม เขาจำเป็นต้องหลบหนี ด้านหลังเขามียอดฝีมือระดับปรมาจารย์อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น อู๋ฉินหยางคิดว่าตนเองอาจจะพอรับมือ และหาโอกาสหลบหนีได้!
ใช่แล้ว เขาต้องหลบหนี หลบหนีไปเพื่อแจ้งให้นายท่านได้รับทราบ ด้วยความแข็งแกร่งของนายท่าน นายท่านจะต้องมากำจัดคนเหล่านี้ทิ้งไปอย่างแน่นอน… อู๋ฉินหยางโคจรพลังลมปราณในร่างกาย กำลังจะใช้วิชาตัวเบาเฉพาะตัวที่ตนเองภาคภูมิใจเป็นนักหนาในการหลบหนี
แต่องครักษ์มังกรก็เข้าประชิดตัวเขา เอื้อมมือไปกระแทกใส่แผ่นหลังของอู๋ฉินหยาง ส่งผลให้ชายชรากระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ เขาหันกลับไปใช้ฝ่ามือของตนเองต้านรับฝ่ามือของฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถอยห่างมาได้สิบก้าวแล้ว…
ฮ่า ๆ ถ้าคิดจะจับข้ารึ? ฝันไปเถอะ! อู๋ฉินหยางมั่นใจในวิชาตัวเบาของตนเองเป็นอย่างยิ่ง มีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่านครหลวงอันตรายเพียงใด เมื่อรู้ว่าตนเองอาจจะต้องพบเจอกับอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต อู๋ฉินหยางก็ได้เตรียมหนทางหลบหนีเอาไว้แล้ว
อู๋ฉินหยางลอยตัวขึ้นไปบนขื่อหลังคา แต่แล้วเขาก็เห็นชายอีกสองคนกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง
คนแรกมีเส้นผมและหนวดเคราเป็นสีขาว หน้าตาใจดี ในขณะที่อีกคนมีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า หน้าตาดูดุร้าย
ส่วนอันผิงกับฉีเล่อ เมื่อเห็นว่าอู๋ฉินหยางกำลังจะสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ แม้ตนเองจะติดอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะตราบใดที่ผู้อาวุโสอู๋สามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จ นายท่านก็จะต้องกลับมาช่วยเหลือพวกเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น นั่นย่อมเป็นวันสุดท้ายของสำนักไร้ขอบเขตอย่างแน่นอน
แต่ความดีใจยังไม่ทันจางหายไปจากใบหน้า เงาร่างสีขาวก็ร่วงหล่นลงมา พร้อมกับโลหิตไหลเนืองนองเต็มพื้นห้อง เงาร่างสีขาวกระแทกลงบนโต๊ะและเก้าอี้แตกหักเสียงดังโครมใหญ่
อันผิงกับฉีเล่อรีบขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ ในหัวใจรู้สึกสิ้นหวังทันที เพราะร่างที่ร่วงหล่นลงมานั้นก็คือ ร่างของผู้อาวุโสอู๋ฉินหยาง ในขณะนี้ ชายชรานอนอยู่บนพื้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีสภาพปางตาย
หลังจากนั้น ชายสองคนก็ทิ้งตัวลงมาในห้องตำรา คนหนึ่งมีหน้าตาดุร้าย อีกคนมีหน้าตาใจดี ย่อมต้องเป็นเจี๋ยสือจิ่วกับเจี๋ยเอ้อร์ซาน
“ท่านเจ้าสำนัก!” เจี๋ยสือจิ่วกับเจี๋ยเอ้อร์ซานพร้อมใจกันประสานมือด้วยความเคารพ บัดนี้ สำนักไร้ขอบเขตได้ก่อตั้งขึ้นมาแล้ว พวกเขายึดถือตามคำพูดของจ้าวอู่เจียงให้เปลี่ยนสรรพนามเรียกหาเป็น เจ้าสำนัก
สมาชิกของหน่วยองครักษ์มังกรอีกสามคนก็ทำความเคารพเช่นกัน
“ท่านเจ้าสำนัก!”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้ารับ กู้เหนียนหยวนผู้อยู่ในอ้อมแขนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง นางหลงเข้าใจว่านอกจากสมาชิกดั้งเดิมของสำนักมังกรเกล็ดศิลาอย่างพวกตนทั้งสามแล้ว ในสำนักไร้ขอบเขตก็มีสมาชิกเป็นเพียงเจียงเมิ่งลี่กับหลี่หยวนเจิ่งเท่านั้น…
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวอู่เจียงจะมียอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์อีกห้าคนอยู่ข้างกายเช่นนี้ หากพวกเขาผนึกกำลังร่วมมือกัน ย่อมต้องสามารถกวาดล้างสำนักใต้ดินทั่วนครหลวงได้อย่างแน่นอน
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า