บทที่ 180 จอมเจ้าเล่ห์
ในอีกห้องหนึ่ง มือใหญ่ของจ้าวอู่เจียงสัมผัสไปทั่วเรือนร่างของฉีเล่อ ทำให้นางตัวสั่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น เขาก็ฝังเข็มเงินสี่เล่มที่หน้าอกของนาง
“กู่พิษในตัวเจ้าถูกปิดผนึกแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกมันกัดกินอีกต่อไป”
ฉีเล่อเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ จ้าวอู่เจียงรู้เกี่ยวกับกู่พิษได้อย่างไร? หรือเขารู้จากการใช้มือสัมผัสเรือนร่างของนางเมื่อครู่นี้? หากเป็นเช่นนั้นจริง คนผู้นี้ก็มีความสามารถด้านการแพทย์ที่น่ากลัวมากจริง ๆ
ฉีเล่อยังคงสีหน้าเย็นชาไว้ แม้ว่ากู่พิษในร่างกายจะยุติการทำงาน นางก็ไม่คิดจะทรยศสำนักมังกรเงิน และนายท่านอยู่ดี
“เมื่อสักครู่ เจ้าก็เห็นสีหน้าของอันผิงแล้ว…” จ้าวอู่เจียงปลดกระดุมเสื้อของตนเองออกอย่างนุ่มนวล ทำให้ชุดดูหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย
“เจ้าว่าถ้าเขาเห็นข้าในสภาพเช่นนี้ เขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเจ้าหรือไม่? อย่างเช่น พยายามระเบิดการสกัดจุดลมปราณ?”
ฉีเล่อมีแววตาหวั่นไหว นางรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอันผิงมาโดยตลอดเช่นกัน แต่เมื่อคิดเดินในทางโลกยุทธจักร นางก็ไม่คิดจะสนใจเรื่องความรักอีก
ฉีเล่อเข้าใจดีว่าอันผิงเป็นบุคคลที่ใจร้อนวู่วาม เขาคงพยายามระเบิดการสกัดจุดลมปราณ เพื่อมาช่วยเหลือนางตามที่จ้าวอู่เจียงพูดจริง ๆ แน่
“เจ้าเองก็มีพลังสูงส่งพอสมควร คงรู้สินะว่าการทำเช่นนั้นจะส่งผลอย่างไรตามมา” จ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ไม่ต่างจากปีศาจที่พยายามจะเล่นกับความรู้สึกของผู้คน
“เจ้าจะไม่พูดอะไรก็ได้ ข้าจะไม่ทำอะไรเลย เพียงแต่…หากข้าจะปล่อยให้อันผิงตาย ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะไม่สนใจใช่หรือไม่?”
ฉีเล่อกลืนน้ำลายด้วยความหนักใจ ภายในเริ่มเกิดความรู้สึกสับสน
“ข้าก็สงสัยเหลือเกิน… เซวียนหยวนอวี้เหิงให้อะไรกับเจ้ากัน? ไยเจ้าจึงทุ่มเททำงานหนักให้เขาถึงเพียงนี้?” จ้าวอู่เจียงหัวเราะเยาะ
“เขาไม่สนใจเรื่องความรู้สึกเลยมิใช่หรือ? แล้วเจ้าคิดหรือว่าเซวียนหยวนอวี้เหิงจะไม่ยอมเสียเจ้าไป? เจ้าคิดว่าในสำนักมังกรเงินจะไม่มียอดฝีมือคนอื่นอยู่อีกแล้วหรืออย่างไร?”
ฉีเล่อหัวใจหวั่นไหว ทราบดีว่านายท่านมีความรู้สึกเฉยชาต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ผู้เดียวที่นายท่านห่วงใยก็คือธิดาเทพแห่งแคว้นหนานเจียงเท่านั้น นายท่านสามารถทอดทิ้งผู้ติดตามได้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่อันผิง
“ลองคิดดูให้ดีเถอะ ข้าเพียงขอให้เจ้าบอกข้อมูลมาก็เท่านั้นเอง” จ้าวอู่เจียงดึงเข็มเงินที่ปักอยู่ใกล้กับลำคอของฉีเล่อออก ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วเป่าเทียนไขในห้องให้ดับลง ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด
ฉีเล่อหัวใจเต้นระรัว เมื่อประตูปิดลง และถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง นางก็สัมผัสได้ถึงความมืดมิดรอบกาย พานให้รู้สึกตื่นตระหนกชวนขนลุกไปทั้งตัว
…
เมื่อจ้าวอู่เจียงกลับเข้าไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง อันผิงก็สังเกตเห็นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยซ้ำยังยับยู่ยี่ของอีกฝ่าย จิตใจจึงสั่นไหวนัก จ้องมองด้วยความอาฆาตแค้น
“นางไม่ยอมเชื่อฟังดี ๆ น่ะสิ เอาแต่ขัดขืนอยู่ได้ ข้าจึงหมดอารมณ์แล้ว” จ้าวอู่เจียงสั่นศีรษะ พลางเหยียดยิ้ม
อันผิงรู้สึกโล่งใจ
“แต่ข้าจับนางมัดไว้แล้ว คราวหน้านางย่อมขัดขืนข้าไม่ได้อีก” จ้าวอู่เจียงทำตาโต ยิ้มกว้าง ทั้งยังแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ทำท่าทีหื่นกระหาย
เมื่ออันผิงเห็นเช่นนั้น จิตใจก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดวงตาเป็นสีแดงก่ำด้วยเส้นเลือด เขาเอาแต่ส่งเสียงร้องครางอยู่ในลำคอ
“ข้านั้นก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอก แต่นางบอกว่าเจ้าจะต้องช่วยนางอย่างแน่นอน ข้าก็ไม่รู้นะว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าอยากจะช่วยนางจริง ๆ ข้าก็จะปล่อยนางไป” จ้าวอู่เจียงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ว่าอย่างไร เจ้าจะช่วยนางหรือไม่?”
อันผิงเกิดความลังเลใจขึ้นมาในทันใด


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า