บทที่ 2 ความลับของฮ่องเต้
โชคดีที่ชิงเอ๋อร์คาดการณ์ไว้แล้ว นางจึงเอ่ย “ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาทรงตรัสว่าฝ่าบาททรงเกลียดชังหมอหลวงเป็นอย่างยิ่ง แต่ขันทีจ้าวไม่ใช่หมอหลวง เขาได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์มาจากบรรพบุรุษ ฝ่าบาททรงงานหนักทั้งวันทั้งคืน พระวรกายอาจเกิดความอ่อนล้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ฮองเฮาทรงเป็นห่วงฝ่าบาท… กังวลว่าฝ่าบาทจะเสวยอาหารไม่ได้ บรรทมไม่สบายเพคะ”
เซวียนหยวนจิ้งอยากบันดาลโทสะต่อ แต่เมื่อได้ยินว่าภรรยาเป็นห่วงตนถึงเพียงนั้น สีหน้าก็ปรากฏความซาบซึ้งใจออกมาเล็กน้อย
‘ทักษะการแพทย์จากบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ? คงจะเป็นพวกต้มตุ๋นเสียแล้วกระมัง’
ฮ่องเต้มองไปที่จ้าวอู่เจียง ขันทีน้อยผู้นี้ไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากหน้าตาดี ไม่ได้มีสง่าราศีของการเป็นแพทย์รักษาผู้คนเลยด้วยซ้ำ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เซวียนหยวนจิ้งเกลียดชังการตรวจร่างกายเพราะกลัวว่าบรรดาหมอหลวงเหล่านั้นจะล่วงรู้ความลับของตน แต่กับขันทีน้อยผู้นี้… ท่าทางคงไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ลึกซึ้งนัก… ถ้ายอมให้ตรวจในครานี้ ก็อาจจะทำให้ตู๋กูหมิงเยว่ไม่กังวลเรื่องนี้อีกก็เป็นได้
“เอาล่ะ ๆ เจ้าออกไปก่อน!”
ชิงเอ๋อร์ดันหลังของจ้าวอู่เจียง และส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินขึ้นไป จากนั้นก็ถอยออกไปด้านนอกแล้วปิดประตูท้องพระโรงอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ จึงเหลือเพียงจ้าวอูเจียงกับองค์ฮ่องเต้อยู่ในท้องพระโรงตามลำพัง
จ้าวอู่เจียงคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มวางมือลงบนจุดชีพจรของเซวียนหยวนจิ้ง และหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย
ฮ่องเต้ดูยังทรงพระเยาว์ ใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณขาวเนียน ร่างกายผอมบาง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จ้าวอู่เจียงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมาจากกายของอีกฝ่ายด้วย
นี่คือกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่กลิ่นหอมจากการปรุงแต่งของผงหอม แต่เป็นกลิ่นกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
“เร่งมือหน่อย ข้ายังมีงานต้องสะสางอีกมาก”
เซวียนหยวนจิ้งมองจ้าวอู่เจียงเงียบ ๆ ดวงตาฉายแววเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อสัมผัสได้ถึงชีพจรของอีกฝ่าย ดวงตาของจ้าวอู่เจียงก็เป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาในทันใด
ให้ตายเถอะ…
ถ้าการค้นพบนี้เป็นความจริง จ้าวอู่เจียงก็ไม่ประหลาดใจอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงไม่มีนางสนมคนสนิท ไม่เคยแตะต้องฮองเฮาตู๋กู ความจริง หาใช่ว่าฝ่าบาทหวาดกลัวฮองเฮาแย่งชิงบัลลังก์มังกร แต่เป็นเพราะตัวจริงของฮ่องเต้ผู้นี้ก็เป็น…สตรี เช่นเดียวกันต่างหาก!
องค์ฮ่องเต้ผู้นี้โง่เขลาหรืออย่างไร ถึงได้เมินเฉยต่อความงามของฮองเฮา สตรีสองคนไม่สามารถร่วมรักกันได้หรือ?
แววตาของจ้าวอู่เจียงสั่นเทา ชายหนุ่มค่อย ๆ ลดมือลง แย้มยิ้มและพยายามรักษาท่าทีสงบนิ่งให้ได้มากที่สุด สุดท้ายก็ได้รู้ว่าเหตุใดหมอหลวงเจ็ดคนจึงต้องตาย ทั้งยังล่วงรู้ความลับต้องห้ามเข้าให้แล้ว ใครจะเป็นคนที่ถูกองค์ฮ่องเต้สั่งประหารเป็นรายต่อไป หากไม่ใช่เขา?
“หากเจ้าไม่พบความผิดปกติ เช่นนั้นก็ไปซะ”
เซวียนหยวนจิ้งมองจ้าวอู่เจียงอย่างระแวดระวัง ประกายเย็นชาในดวงตาของนางฉายชัดอย่างไม่ปิดบัง
จ้าวอู่เจียงเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ “กระหม่อมไม่พบ… กระหม่อมไม่พบพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัว”
“เดี๋ยว”
น้ำเสียงของเซวียนหยวนจิ้งเย็นเยียบไปถึงก้นบึ้งของจิตวิญญาณ นางสอดมือขวาเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วค่อย ๆ นำบางอย่างออกมา
“หมอหลวงเหล่านั้นเองก็พูดเหมือนเจ้าไม่มีผิดเพี้ยน”
สุนัขตัวไหนมันแย่งคำพูดของข้า!?
“แล้วพวกเขา…ก็ตายหมดแล้ว”
จ้าวอู่เจียงกลอกตา ขันทีหนุ่มสัมผัสได้ว่าในอากาศไม่ได้มีเพียงกลิ่นหอมหวาน แต่ยังมีกลิ่นอายของจิตสังหารอัดแน่นอยู่ด้วย
พริบตาต่อมา แสงเย็นยะเยือกก็สว่างวาบขึ้นภายในท้องพระโรง องค์ฮ่องเต้ดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ และแทงใส่จ้าวอู่เจียงทันที!
จ้าวอู่เจียงกดมือของอีกฝ่ายลงด้วยมือทั้งสองข้าง “ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! กระหม่อมขอสาบานด้วยชีวิต กระหม่อมจะปิดปากเงียบสนิท ความลับของฝ่าบาทจะไม่มีทางหลุดออกจากปากของกระหม่อมอย่างแน่นอน!”
“ความคับข้องใจของข้า จะหายไปหลังจากการตายของเจ้าเท่านั้น!”
เซวียนหยวนจิ้งกล่าว ขณะนี้ นางไม่ปกปิดเสียงของตัวเองอีกต่อไป น้ำเสียงหวานใสจึงถูกเปล่งออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า