บทที่ 20 แสวงหาผลประโยชน์
“อย่างเช่น?” จ้าวอู่เจียงถูมือด้วยความตื่นเต้น
“มีสมุนไพรมากมายอยู่ในโรงหมอหลวง ขันทีจ้าวมีความรู้ความสามารถทางการแพทย์ยอดเยี่ยม ย่อมรู้ดีว่าสมุนไพรชนิดใดมีมูลค่ามากน้อยเพียงใด แต่กระบวนการขนส่งมักจะเกิดความยุ่งยากเสมอ ข้าจึงหวังว่าขันทีจ้าวจะใช้ความรู้ความสามารถที่มี ส่งคนมาคอยช่วยเหลือโรงหมอหลวงบ้าง”
ชายชราในชุดเสื้อคลุมปักลายดอกพูดช้า ๆ
จ้าวอู่เจียงเข้าใจทันที นี่คือการยักยอกสมุนไพรจากโรงหมอหลวงออกไปขายข้างนอกนั่นเอง
“เฉินเจิ้งฮัวเคยได้รับเท่าไหร่?” เขาถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
“หึหึ ขันทีจ้าวช่างเป็นคนฉลาดเฉลียว เขาเคยได้หนึ่งจากสิบส่วนของยอดขายทั้งหมด!” ชายชรายิ้มอย่างใจดี ก่อนจะกล่าวเสริม
“ขันทีจ้าวคงไม่ได้ดูถูกส่วนแบ่งหนึ่งส่วนหรอกกระมัง”
“สามจากสิบส่วน!” จ้าวอู่เจียงมีแววตามุ่งมั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“แล้วข้าจะช่วยพวกท่าน!”
“ขันทีจ้าวต้องการถึงสามส่วนเชียวหรือ? ออกจะเป็นอาหารคำใหญ่มากเกินไปสำหรับท่านไม่น้อย” รอยยิ้มเมตตาเจือจางลงไปจากใบหน้าของชายชราทันที
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เจรจากับท่านแล้ว!” จ้าวอู่เจียงถูนิ้วมือพลางพูดด้วยเสียงเฉียบขาด
“หากท่านไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ ก็จงกลับไปรายงานนายท่านของท่านซะ!”
ขันทีหนุ่มที่พวกเขาต้องการตัวผู้นี้มีความฉลาดเฉลียว ไม่ได้โง่งมเหมือนเฉินเจิ้งฮัว ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวอู่เจียงยกมือชี้ไปทางข้างหลังของเขาซึ่งเป็นทิศทางที่ตั้งของโรงหมอหลวง และนั่นก็ทำให้ชายชราถึงกับประหลาดใจ
กึก… กึก…
จ้าวอู่เจียงเคาะมือลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ
“วันนี้ข้าคุยจบแล้ว! หากพวกท่านตกลงกันได้เมื่อไหร่ ก็ส่งขันทีน้อยของท่านไปแจ้งข้าก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ จ้าวอู่เจียงก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกมาโดยไม่คิดเหลียวกลับไปมอง เจี๋ยเอ้อร์ซานเดินติดตามมาทางด้านหลัง สีหน้าแปรเปลี่ยนไป มีลักษณะลังเลเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
หลังจากจ้าวอู่เจียงเดินออกไปแล้ว ชายชราก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาประสานสองมือไว้ที่หน้าท้องของตน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปโค้งคำนับให้กับเงามืดที่อยู่ด้านหลัง
“ใต้เท้าขอรับ เด็กคนนี้ละโมบโลภมากเกินไป ทำไมเราถึงไม่…”
ชายชรายกมือขึ้นทำท่าปาดคอ
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากเงามืด เขามีเส้นผมเป็นสีขาวสลับดำ ลักษณะสุภาพเรียบร้อย เดินมานั่งที่โต๊ะตัวเล็ก ชายชรารีบรินสุราใส่จอกให้ด้วยความเคารพนอบน้อม
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้ควบคุมโรงหมอแห่งวังหลวง มีนามว่าซุนอี้ขู่
“ต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถเท่านั้น จึงจะโลภมากได้ถึงเพียงนี้ บัดนี้ เขามีคุณสมบัติดีพอ” ซุนอี้ขู่ดื่มสุราหมดจอก แล้วคลึงจอกในมือเล่น
“เขามีความใกล้ชิดกับฮ่องเต้ มีอำนาจควบคุมขันทีในวังหลวง เวลาที่พวกเราทำการขนย้ายสมุนไพร ย่อมต้องมีประสิทธิภาพมากกว่าเฉินเจิ้งฮัว ส่วนแบ่งที่เขาต้องการก็ให้เขาไปเถอะ! สิ่งสำคัญไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นสมุนไพรพวกนั้นต่างหาก ตราบใดที่สามารถนำสมุนไพรออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ถึงเขาจะต้องการส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งข้าก็ยินดี!”
ชายชราได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอิจฉาริษยาเป็นอย่างยิ่ง เขาได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘เฮอะ ปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นดีใจไปก่อนเถอะ อีกไม่นาน มันจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน’
ชายชราหัวเราะเยาะ ส่วนแบ่งสามในสิบส่วนนั้นมากพอจะใช้ได้ทั้งชีวิต แต่เมื่อนึกถึงว่าผลประโยชน์เหล่านั้นกำลังจะตกเป็นของจ้าวอู่เจียง ชายชราก็อดรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาไม่ได้
…
จ้าวอู่เจียงเดินออกมาจากสวนอู่ถง สีหน้าเรียบเฉย ท่าทางสบายใจ สองมือซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ แต่แท้จริงนั้น ชายหนุ่มกำลังใช้สมองขบคิดอย่างหนักหน่วง
เจี๋ยเอ้อร์ซานเดินตามมาทางด้านหลัง ไม่กล้าพูดบางอย่างออกมา ชายชราคิดไม่ถึงเลยว่าการติดตามคนผู้นี้ออกมานอกวังหลวงจะทำให้เขาต้องมาร่วมเป็นสักขีพยานกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงเช่นนี้
ไม่สิ ขันทีจ้าวเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ เขาต้องไม่ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าอย่างแน่นอน เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเจี๋ยเอ้อร์ซานก็เป็นประกายแวววาว สีหน้ากลับมามีความมั่นใจมากขึ้น
“เอ้อร์ซาน อยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ” จ้าวอู่เจียงยิ้มอย่างอบอุ่น
“การที่ใต้เท้าตกลงร่วมมือกับพวกเขาในครั้งนี้ ย่อมเป็นแผนการขุดบ่อล่อปลาเพื่อกระชากหน้ากากผู้บงการอยู่เบื้องหลังให้ออกมารับโทษใช่หรือไม่ขอรับ? นับว่าใต้เท้าช่างทำงานหนัก และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ” เจี๋ยเอ้อร์ซานพูดออกมาด้วยความระมัดระวัง
“เปล่าสักหน่อย” จ้าวอู่เจียงสั่นศีรษะ
“มีม้าอ้วนตัวใดบ้างไม่กินหญ้า มีเศรษฐีผู้ใดบ้างไม่ต้องการเงินทอง ข้าก็แค่อยากหาเงินเท่านั้นเอง!”
ชายชราถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ความจริง สิ่งที่เจี๋ยเอ้อร์ซานพูดออกมานั้นถูกต้องทุกประการ จ้าวอู่เจียงต้องการจะขุดบ่อล่อปลา กระชากหน้ากากผู้บงการอยู่เบื้องหลังออกมาจริง ๆ
การยักยอกสมุนไพรออกมาจากโรงหมอหลวงคงไม่สามารถทำได้อย่างราบรื่น หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ควบคุมโรงหมอในวังหลวง ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่เคยมีผู้ใดในวังหลวงรับทราบมาก่อน แม้แต่เซวียนหยวนจิ้งก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
แต่ด้วยความตายของอาสามจ้าวโส่ว กู่พิษจากโหลวหลานที่พบในตัวของเฉินเจิ้งฮัว รวมไปถึงจดหมายจากตู๋กูอี้เหอทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำให้จ้าวอู่เจียงรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่ในวังหลวง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า