บทที่ 21 องค์หญิงแห่งไป๋เยว่
ในกลุ่มผู้คน บุรุษหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งเดินออกมาช้า ๆ ติดตามมาด้วยข้ารับใช้ชราผู้มีผมขาวทั้งศีรษะ
คุณชายชุดดำหรี่ตาลงเล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามมีท่าทางไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่ามีความหล่อเหลามากกว่าตน คุณชายชุดดำจึงยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความอิจฉาริษยา พัดจีบในมือโบกสะบัด สั่งการบรรดาผู้ติดตามทางด้านหลัง
“จับตัวมันมาสั่งสอนเดี๋ยวนี้!”
บรรดาผู้ติดตามทั้งสี่คนร้องคำรามรับคำพร้อมพุ่งเข้าไปหาจ้าวอู่เจียง ทว่าชายหนุ่มยังคงยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความใจเย็นไม่ตื่นกลัว และถึงกับหันไปยักคิ้วให้องค์หญิงผู้มาจากแคว้นไป๋เยว่อีกด้วย
ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!
โครม!
ก่อนที่บ่าวรับใช้ทั้งสี่คนจะได้เข้าใกล้จ้าวอู่เจียง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ตัวคนลอยกระเด็นออกไปไม่ต่างจากว่าวที่สายป่านขาด เพียงลมหายใจต่อมาก็ต้องลงไปนอนกองอยู่บนพื้น แล้วกระอักเลือดออกมา
ผู้ชมโดยรอบต่างร้องอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ
“พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงต้องการทำร้ายนายน้อยของข้า!”
เจี๋ยเอ้อร์ซานมีท่าทางโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ขยับก้าวออกมาจากด้านหลังของจ้าวอู่เจียง
จ้าวอู่เจียงไม่ได้สนใจคุณชายชุดดำที่กำลังตื่นตระหนกสุดขีด แต่กลับเดินตรงไปหาองค์หญิงแห่งไป๋เยว่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“พวกเราได้เจอกันอีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นเจ้าคนที่อยู่ในรถม้าวันนั้น!” องค์หญิงขมวดคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย กัดฟันกรอด “เหตุใดเมื่อวานนี้เจ้าถึงได้เมินเฉยต่อข้า?”
“กระหม่อมหนาวแล้ว เรากลับกันก่อนดีกว่า” จ้าวอู่เจียงจับมือขาวเนียน และลากนางตรงกับไปยังจวนรับรองของกรมพิธีการ
“ปล่อยข้านะ! ข้าไม่กลับ ข้าหนีออกมาได้แล้ว ข้าจะไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด!” เมื่อเห็นว่ากำลังจะต้องกลับไปยังจวนรับรองของกรมพิธีการ องค์หญิงแห่งไป๋เยว่ก็ทำปากยื่น และพูดด้วยความไม่พอใจ
เมื่อเห็นว่าสตรีที่ตนหมายปองถูกผู้อื่นแย่งชิงตัวไปต่อหน้าต่อตา มิหนำซ้ำ อีกฝ่ายยังไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย คุณชายชุดดำจึงระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าสุนัขต่ำต้อย จงเบิกตาของเจ้าดูให้ดี เจ้ากำลังมีเรื่องกับข้า นั่นเป็นสิ่งที่เจ้ารับไหวหรือ?”
“หนวกหู!”
เจี๋ยเอ้อร์ซานสะบัดแขนเสื้อตบใบหน้าของคุณชายชุดดำ คุณชายชุดดำลอยกระเด็นกระแทกใส่แผงขายของที่อยู่ข้างทาง ส่งผลให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และผู้คนที่เดินผ่านไปมาต้องกระโดดหลบกันจ้าละหวั่น
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น บ่าวรับใช้ทั้งสี่คนรีบลุกขึ้นอย่างยากลำบาก วิ่งเข้าไปหาผู้เป็นนายด้วยความร้อนรน
“นายน้อยเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ?”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! บิดาข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่! แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ! แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ!”
บรรดาบ่าวรับใช้ช่วยประคองคุณชายชุดดำลุกขึ้นยืน เนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต เขาร้องตะโกนเสียงแหบแห้ง ก่อนจะถูกบ่าวรับใช้หิ้วปีกจากไปอย่างน่าสมเพช
“ปล่อยข้านะ ข้าไม่กลับ!” ใบหน้างดงามขององค์หญิงแห่งไป๋เยว่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ นางพยายามสะบัดมือออกจากการกอบกุมของจ้าวอู่เจียง
ชายหนุ่มยิ้มอย่างอบอุ่น
“ทำไมไม่กลับพ่ะย่ะค่ะ? ที่นี่คือเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเซี่ย เป็นสถานที่ชุมนุมพยัคฆ์ซ่อนเร้นมังกรซ่อนกาย พระองค์ออกมาข้างนอกเช่นนี้ ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง”
“แล้วเจ้าอยากให้ข้าอยู่ในจวนแห่งนั้น รอคอยเวลาที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่อยากแต่งด้วยหรืออย่างไร!”
องค์หญิงแคว้นไป๋เยว่เม้มริมฝีปากสีแดงสดแน่น ใบหน้าอันงดงามดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเป็นเพียงเครื่องมือที่ทั้งสองประเทศหวังใช้ประโยชน์จากการแต่งงานเท่านั้น ไม่มีผู้ใดคิดถึงความรู้สึกของข้าเลย! ข้าจะไม่กลับไปเด็ดขาด!”
นางพยายามดิ้นรน ดวงตาของจ้าวอู่เจียงเป็นประกายวูบไหว สุดท้าย เขาก็ปล่อยข้อมือนาง
“งั้นองค์หญิงอยากไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”
ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าไม่รู้”
องค์หญิงเม้มริมฝีปากแน่นมากกว่าเดิม ร่างของจ้าวอู่เจียงที่กำลังยิ้มแย้มสะท้อนอยู่ในดวงตา นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่เติบโตขึ้นมา ที่มีคนสอบถามความคิดเห็นของนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนถึงเพียงนี้
“องค์หญิงรู้หรือไม่ว่าไม่มีที่ใดให้หลบหนีแล้ว?” จ้าวอู่เจียงพูดอย่างฉลาดเฉลียว
“หรือตั้งใจจะหลบหนีกลับแคว้นไป๋เยว่?”
“ข้าไม่รู้” องค์หญิงกระซิบ
“แต่ข้าไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ใดทั้งสิ้น ข้าต้องการจะแต่งงานกับบุรุษที่ทำให้หัวใจของข้าหวั่นไหว ข้าไม่อยากจะถูกจับแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เช่นนี้”
ชายหนุ่มยกมือถูคิ้วของตน
องค์หญิงผู้นี้อาจจะเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างแคว้นต้าเซี่ยกับแคว้นไป๋เยว่
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางขณะอยู่ในแคว้นต้าเซี่ย วันเวลาอันสงบสุขของชาวประชาก็จะหายวับไปทันที
เขาต้องหาทางเกลี้ยกล่อมนางให้กลับไปให้ได้
นางต้องการพบบุรุษที่ทำให้หัวใจหวั่นไหวใช่หรือไม่?

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า