บทที่ 200 จุดเริ่มต้นของการต่อสู้
นอกเขตภูเขา เจี๋ยเอ้อร์ซานกับเจี๋ยสือจิ่วพร้อมด้วยบรรดาผู้อาวุโสจากสำนักกลิ่นบุปผากำลังออกค้นหาจ้าวอู่เจียงและซูฮัวอี
ตอนแรกพวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ด้วยความที่เจี๋ยเอ้อร์ซานกับเจี๋ยสือจิ่วมีระดับพลังสูงล้ำกว่าฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่คน เมื่อนำมาผสมรวมกับประสบการณ์และความรู้ ผู้อาวุโสทั้งสี่นั้นจึงตกเป็นรองทุกทาง
กลุ่มคนทั้งหกต่อสู้กันอย่างดุเดือด และยิ่งต่อสู้กันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเมามันมากเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม คนทั้งหมดก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้านายของพวกเขาได้หายตัวไป โดยพวกเขาไม่ทราบเลยว่าจ้าวอู่เจียงกับซูฮัวอีหายไปที่ใด
พวกเขาจึงยุติการต่อสู้และแยกย้ายกันสะกดรอยจนมาถึงภูเขาลูกนี้
ในที่สุด เจี๋ยเอ้อร์ซานก็พบจ้าวอู่เจียงกำลังเดินเปลือยกายท่อนบนออกมาจากชายป่า เขาร้องอุทานและรีบวิ่งเข้าไปพร้อมด้วยเจี๋ยสือจิ่ว ทั้งสองต่างก็รู้สึกร้อนใจ คิดว่าจะเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นกับจ้าวอู่เจียงเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนต่างก็รับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกลิ่นบุปผา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันเวลา จึงหลงคิดไปว่าจ้าวอู่เจียงอาจจะพ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บ แต่ดูแล้ว… จ้าวอู่เจียงจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย
นั่นทำให้พวกเขาอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ ใต้เท้าจ้าวซุกซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้มากมายเพียงใดกัน ถึงได้สามารถหลบหนีเงื้อมมือของผู้ฝึกตนขั้นสี่ได้?
พวกผู้อาวุโสจากสำนักกลิ่นบุปผาก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ใช้เคล็ดวิชาลับในการไล่ล่าบุรุษหน้ากากทองแดงคนนี้ แต่เมื่อเห็นบุรุษหน้ากากทองแดงเดินกลับออกมาจากชายป่าด้วยท่าทางสบายใจ พวกเขาก็อดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้
ธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด? ว่ากันตามความแข็งแกร่งของนางไม่สมควรพ่ายแพ้ให้แก่บุรุษผู้นี้ไม่ใช่หรือ? คนผู้นี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงไม่เคยมีผู้ใดรู้จักคนผู้นี้มาก่อน?
ธิดาศักดิ์สิทธิ์หายตัวไป เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับนางใช่หรือไม่? กลุ่มผู้อาวุโสรู้สึกร้อนใจ หน้าที่ของพวกเขาคือคอยคุ้มกันธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากภารกิจล้มเหลว กลุ่มผู้อาวุโสก็จะต้องกินยาพิษจากสำนักกลิ่นบุปผาเป็นการลงโทษด้วยความตาย
“เจ้าหนู ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราอยู่ที่ใด?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น พลังกดดันระเบิดพุ่งใส่จ้าวอู่เจียง
จ้าวอู่เจียงนึกทบทวนภาพการต่อสู้ของตนเองระหว่างที่ถูกความปรารถนากลืนกิน ก่อนจะชี้มือไปที่ป่าลึก ตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ต้องโกรธแค้นข้าถึงขนาดนั้นก็ได้ พวกเราเพียงเข้าป่าไปเล่นพิณ จิบชา เดินหมากกันก็เท่านั้น นางคงเหนื่อยมากแล้ว”
เมื่อผู้อาวุโสทั้งสี่จากสำนักกลิ่นบุปผาได้ยินคำตอบของจ้าวอู่เจียง พวกเขาก็ทั้งตื่นตระหนกและเกิดความสงสัย รีบใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าไปในป่าลึกทันที
“ท่านเจ้าสำนัก นางต้องการจะฆ่าท่านไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดท่านจึงไปเล่นพิณ จิบชาและเดินหมากกับนางได้เล่า?”
เจี๋ยเอ้อร์ซานกับเจี๋ยสือจิ่วต่างก็ตกอยู่ในความสงสัยอย่างแท้จริง
จ้าวอู่เจียงบิดเอวของตนเองแก้อาการปวดเมื่อยจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น
กร๊อบ!
“พวกเจ้ายังอ่อนหัดนัก ไม่เข้าใจความคิดของสตรีหรอก…”
…
อารามผู่ถัว จ้าวอู่เจียงและผู้คุ้มกันทั้งสองคนต้องแกะรอยอย่างหนักกว่าจะสามารถตามรอยกู้เหนียนหยวนกลับมาถึงวิหารหลักได้สำเร็จ
เมื่อกู้เหนียนหยวนเห็นว่าจ้าวอู่เจียงปลอดภัยดี ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเต็มเบ้าก็สั่นไหว หญิงสาวโถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนของจ้าวอู่เจียงทันที
นางแนบใบหน้าอันงดงามอยู่ในอ้อมอกแกร่ง ฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่าย แล้วนางก็ขมวดคิ้วพูดด้วยความไม่พอใจ
“ท่านทำให้ข้าหวาดกลัวแทบตายแล้ว…”
จ้าวอู่เจียงต้องปลอบประโลมนางอยู่หลายคำ หลังจากนั้นจึงปลดสัมภาระลงมาจากหลังม้า ตามด้วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า