บทที่ 202 ซือคงซิง
เมื่อได้ยินคำพูดของซือคงซิง ครั้งนี้กลุ่มคนก็ไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะอีกแล้ว จางอวิ๋นจงมีสถานะเป็นลูกศิษย์ของสุสานกระบี่ แตกต่างจากเฒ่าขี้เมาผู้นั้น จางอวิ๋นจงเป็นมือกระบี่อันดับห้าแห่งยุทธจักร เป็นยอดฝีมือชื่อดัง มีชื่อเสียงไม่ต่างไปจากกระบี่ผีสางฉีหลิน และกระบี่พเนจรหลี่หยวนเจิ่ง ฉายาของจางอวิ๋นจงคือ กระบี่ไร้ใจ!
จางอวิ๋นจงเป็นคนโหดร้ายอำมหิตมาแต่ไหนแต่ไร สมัยที่เข้าไปฝึกฝนวิชาในสุสานกระบี่ เคยได้รับการยกย่องให้เป็นยอดมือกระบี่อนาคตไกล แต่ภายหลังก็ถูกขับไล่ออกมาจากสุสานกระบี่เพราะพฤติกรรมอันชั่วร้าย ด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนในยุทธจักรจึงเรียกขานเขาว่ากระบี่ไร้ใจ!
ดวงตากลมโตของซือคงซิงเป็นประกายระยิบระยับ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าจางอวิ๋นจงไม่สนใจตนเอง นางก็ตั้งใจเดินสะบัดก้นผ่านหน้าจางอวิ๋นจง จนเสียมขุดดินที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังกระแทกใส่จางอวิ๋นจงเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่านางตั้งใจหรือไม่
เด็กหญิงยังคงทักทายบรรดาผู้คนที่นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งต่อไปเรื่อย ๆ
บุคคลเหล่านั้นต่างก็มาจากสำนักกระบี่โลหิต สำนักสามัญชน สำนักแสงเหนือ สุสานกระบี่ สำนักแสงตะวันจันทรา ตระกูลหลี่ ตระกูลหวัง ตระกูลจี…
ไม่นานหลังจากนั้น ซือคงซิงก็เดินกระโดดโลดเต้นมาถึงตรงหน้าจ้าวอู่เจียง นางเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองหน้ากากทองแดงของเขาเขม็ง
“พี่ชาย ดูเหมือนข้าจะเคยเห็นหน้ากากของท่านที่ไหนสักแห่ง!”
จ้าวอู่เจียงรู้สึกพิศวง เขาเป็นผู้ออกแบบหน้ากากทองแดงประจำสำนักไร้ขอบเขตเองกับมือ แล้วซือคงซิงจะไปเคยเห็นมาจากที่ไหนสักแห่งได้อย่างไร?
“ซิงเอ๋อร์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คนที่สวมใส่หน้ากากเลย เวลาที่เจ้าพบเห็นหน้ากากสวย ๆ ก็มักจะทักทายผู้อื่นเช่นนี้อยู่เรื่อย!”บุคคลผู้มาใหม่สองคนเดินเข้ามาในวิหารหลัก พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำกับหญิงชราที่ใช้ไม้เท้าผู้หนึ่ง
ชายฉกรรจ์คนที่ส่งเสียงนั้นมีไหล่หนา สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ลักษณะไม่ต่างไปจากชาวไร่ชาวนา ข้างเอวห้อยไว้ด้วยเสียมขนาดเล็ก เขาคงจะเป็นอาจารย์ของซือคงซิงผู้มีนามว่าซือคงปู๋เจี๋ยไม่ผิดแน่
“ท่านอาจารย์…” ซือคงซิงทำปากยื่นและวิ่งเข้าไปหา
จ้าวอู่เจียงส่ายศีรษะยิ้ม ๆ ที่แท้ซือคงซิงก็ไม่ได้เคยเห็นมันมาก่อน แต่นางเพียงพบว่าหน้ากากของเขาดูสวยงามสะดุดตา จึงอยากจะเข้ามาชวนพูดคุยเท่านั้น
“ท่านย่าจินฮวา” ซือคงซิงวิ่งเข้าไปคำนับให้แก่หญิงชราด้วยความเคารพ หญิงชราเอื้อมมือลูบศีรษะนางด้วยความรักใคร่เอ็นดู ก่อนจะล้วงแท่งน้ำตาลหวานออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วยื่นส่งให้นาง
ช่วงขณะนี้เอง เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นจากกลุ่มคนในวิหารหลักอีกครั้ง ซือคงปู๋เจี๋ยเป็นผู้บุกทะลวงประตูลับของสุสานไต้ซือนักปัดกวาดได้สำเร็จเป็นคนแรก และนั่นก็นำมาสู่สถานการณ์ในวันนี้
หญิงชราที่อยู่ข้างกายเขาก็คือ หนึ่งในสองเจ้าสำนักหุ่นเชิดอเวจีคนปัจจุบัน ท่านย่าจินฮวา
การปรากฏตัวของทั้งสองคนทำให้เหล่ายอดฝีมือในวิหารหลักต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพ โดยเฉพาะซือคงปู๋เจี๋ย เขาเป็นคนก้าวร้าวและไม่มีเหตุผล นอกจากไต้ซือคูจู้แล้ว นับดูผู้คนที่รวมตัวอยู่ที่นี่ในวันนี้มีผู้ใดบ้างไม่หวาดกลัวคนเขา?
“ไม่ทราบว่าประสกมีธุระอันใดถึงต้องการจะเข้าไปเคารพศพท่านพี่ของข้าหรือ?” ไต้ซือคูจู้ยุติการสวดมนต์ และลืมตาขึ้นช้า ๆ นัยน์ตาเป็นประกายเย็นชาจ้องมองไปยังคนของสำนักหุ่นเชิดอเวจี
“ไต้ซือนักปัดกวาดเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ก่อตั้งสำนักเรา วันนี้ในฐานะลูกหลานของสำนักหุ่นเชิดอเวจี ข้าน้อยเองก็ต้องการจะเข้าไปทำความเคารพท่านผู้เฒ่าสักครั้ง!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า