บทที่ 210 สิ่งที่คาดคิดกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
ทุกคนต่างก็จ้องมองมาด้วยสายตาแห่งความกระตือรือร้นและอาฆาตแค้น หลายสิบปีก่อน ผู้อาวุโสของหลายสำนักต่างต้องถึงแก่ชีวิตลงด้วยน้ำมือของมารร้ายผู้ใช้วิชามหาเทพดูดดาว บัดนี้บุรุษไร้หน้าคือผู้ใช้วิชานี้ พวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปได้เป็นอันขาด
“เจ้ามีระดับพลังสู้ข้าไม่ได้จึงพยายามจะหาทางใส่ร้ายป้ายสี เจ้าพยายามจะใส่ร้ายว่าข้าเป็นคนเอาคัมภีร์ไปเพื่อให้ทุกคนมาโจมตีข้าเช่นนี้ เพราะฉะนั้นอย่ามาหาว่าข้าใจดำอำมหิตก็แล้วกัน!”
เซวียนหยวนอวี้เหิงตะโกนกลับไปด้วยความเกรี้ยวกราด พยายามปกป้องตนเองให้ได้มากที่สุด บัดนี้ยังไม่มีใครเปิดฉากโจมตี เซวียนหยวนอวี้เหิงจึงพยายามจะประวิงเวลา บรรดาผู้ติดตามยังคงต่อสู้ติดพันอยู่ที่ด้านนอก แต่อีกไม่นานก็คงเข้ามาที่นี่แล้ว
“เหลวไหล พวกเรามีเหตุอันใดให้ต้องใส่ร้ายเจ้า!” เจียงเฉิงเฟิงพูด
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้แก่ศิษย์พี่อู๋หมิง! ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้แก่ผู้อาวุโสเหล่านั้น!”
ความโกรธแค้นของผู้คนปะทุขึ้น เมื่อเซวียนหยวนอวี้เหิงเห็นเช่นนั้น สายตาก็ทวีความเย็นชาในฉับพลัน รู้ดีว่าหากอีกฝ่ายเปิดฉากโจมตี เขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้วิชามหาเทพดูดดาวในการปกป้องตนเอง หากเป็นเช่นนั้นร่างกายก็อาจจะระเบิดเพราะรองรับพลังไม่ไหว ดังนั้น เขาจึงควรเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน
เซวียนหยวนอวี้เหิงระเบิดเสียงคำราม โคจรพลังลมปราณ พลังลมดูดห่อหุ้มร่างกาย แล้วเปิดฉากโจมตีทันที
การต่อสู้จึงอุบัติขึ้นอีกครั้ง
…
อาชาพ่วงพีทั้งสามตัวยังคงห้อตะบึงไปข้างหน้า จ้าวอู่เจียงออกมาจากอารามผู่ถัวได้หลายสิบลี้แล้ว ทว่าดวงตายังฉายแววครุ่นคิด เขาพิศวงสงสัยอยู่ในใจว่าขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างในภูเขาทางด้านหลังอารามผู่ถัว
ชายหนุ่มคาดเดาว่าตราบใดที่มีคนพบป้ายจากสำนักมังกรเงินอยู่ในโลงศพแทนที่จะเป็นคัมภีร์ปราณไร้วิญญาณ เซวียนหยวนอวี้เหิงย่อมตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อถึงเวลานั้น เซวียนหยวนอวี้เหิงก็จะถูกทุกคนห้อมล้อมเล่นงาน
แต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของจ้าวอู่เจียง เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงคือการเปิดโปงว่าเซวียนหยวนอวี้เหิงเป็นผู้ฝึกฝนวิชามหาเทพดูดดาวต่างหาก
เมื่อเซวียนหยวนอวี้เหิงถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้ใช้วิชามหาเทพดูดดาว ทั้งตัวของเซวียนหยวนอวี้เหิงและสำนักมังกรเงินก็จะกลายเป็นเป้าแห่งความเกลียดชังของธารกำนัลไปทันที และสุดท้าย สำนักมังกรเงินก็จะถูกปิดล้อมและทำลายโดยผู้คนในยุทธจักร
เมื่อเป็นเช่นนี้ เซวียนหยวนอวี้เหิงที่ไม่มีการสนับสนุนจากสำนักมังกรเงินก็จะถูกลดทอนอำนาจและความน่าเกรงขามลงไปมาก แผนการก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากเซวียนหยวนจิ้งก็จะต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นการชั่วคราว และนั่นก็จะทำให้จ้าวอู่เจียงกับฮ่องเต้หญิงมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น
จ้าวอู่เจียงกับกู้เหนียนหยวนนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนหลังม้า กู้เหนียนหยวนโอบแขนกอดเอวของเขาแน่น
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสเสียดสีอ่อนนุ่มบนหน้าอกของตนเอง และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว นั่นคือสัมผัสจากสองเต้าของกู้เหนียนหยวน
ในเวลาเดียวกันนี้ จ้าวอู่เจียงก็ยังสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของคัมภีร์ปราณไร้วิญญาณที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อของตนเองด้วย
จ้าวอู่เจียงได้ยินมาว่านี่เป็นคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังลมปราณ แต่ตัวเขาไม่เคยใช้ลมปราณมาก่อน
ดวงตาของจ้าวอู่เจียงทอประกายระยิบระยับขึ้นมาในทันใด เขากำลังนึกถึงเนื้อหาในคัมภีร์ทองคำไร้พ่าย และเนื้อหาในส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ก็ถูกเขียนด้วยลายมือมีใจความว่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า