บทที่ 211 คำเชิญจากธิดาศักดิ์สิทธิ์
ตอนเหนือของเมืองหวังโจว
ณ โรงเตี๊ยมหวังเป่ย
ในห้องพักระดับสูงบนชั้นสามของโรงเตี๊ยม ซูฮัวอีธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกลิ่นบุปผากำลังนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะน้ำชา สีหน้าบอกชัดถึงจิตใจที่สับสน
นางไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกของการตกหลุมรักหรือไม่ แต่ร่างของบุรุษหนุ่มชุดดำมักจะปรากฏขึ้นในห้วงคะนึงของนางอยู่ตลอดเวลา
ซูฮัวอียอมรับเลยว่า แม้บุรุษชุดดำผู้สวมใส่หน้ากากทองแดงจะมีวาจาก้าวร้าวร้ายกาจ แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ปลดปล่อยความปรารถนาออกมาอย่างร้อนแรง เขากลับนุ่มนวลต่อนางอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวและเกิดเป็นความรู้สึกคล้ายกับความรักในที่สุด
หลังจากเข้าร่วมสำนักกลิ่นบุปผามาหลายปี ซูฮัวอีก็เอาแต่ฝึกฝนวิชามาโดยตลอด นางไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง นั่นเป็นเพราะซูฮัวอีคิดเสมอว่าบุรุษในโลกนี้ล้วนแต่ชั่วร้าย หากไม่ลุ่มหลงในราคะ ก็ต้องลุ่มหลงในเงินทองและอำนาจ
แม้ว่าซูฮัวอีจะหลงเสน่ห์ของบุรุษชุดดำผู้นั้นเข้าให้แล้ว แต่นางก็ยังคงเกลียดชังเขาอยู่ดี เพียงแต่ว่ามันเป็นความเกลียดชังที่แตกต่างไปจากจินตนาการเล็กน้อย…
นางรู้สึกเจ็บจากการได้ลิ้มลองรสชาติสวาทเป็นครั้งแรก แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหฤหรรษ์ในช่วงเวลานั้นเช่นกัน และนี่คือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงความคิดของซูฮัวอีไปโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวฝึกฝนวิชาที่สามารถทำให้ควบคุมร่างกายและจิตใจมาอย่างยาวนานหลายปี แต่ในขณะนี้ กลับไม่สามารถควบคุมร่างกายและจิตใจของตนเองได้เลย ซูฮัวอีรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกเปลวไฟแห่งความปรารถนาแผดเผาและกลืนกินไปทุกช่วงขณะจิต
เมื่อนางนึกถึงเรื่องนี้ ซูฮัวอีก็จะรู้สึกอับอายและรำคาญใจ นางอับอายและรำคาญใจที่ตนเองเอาแต่นึกถึงบุรุษผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา
ซูฮัวอีนึกถึงความเรียบเฉยและเย็นชาของคนผู้นั้น นึกถึงตอนที่ตนจะลอบโจมตีเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่นั่นก็กลับกลายเป็นการจุดประกายความปรารถนาและความโกรธแค้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ซูฮัวอียังคงคะนึงยามชายหนุ่มเคลื่อนไหวด้วยความนุ่มนวลมากขึ้นในตอนที่ได้ยินนางส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด นึกถึงความอ่อนโยนยามเขาป้อนยาห้ามครรภ์ให้ เพราะเกรงว่าธารน้ำของเขาจะทำให้นางลำบาก
คิดถึงเพียงเท่านั้น ซูฮัวอีก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที นางไม่รู้เลยว่านี่เป็นความโกรธแค้น เพียงเพราะไม่รู้ว่าจะได้พบเจอเขาอีกเมื่อใด และนาง… ก็ไม่รู้เลยว่าจะแก้แค้นเขาได้หรือไม่ รวมไปถึงไม่รู้เลยว่านางกำลังโกรธแค้นโชคชะตาที่ทำให้เรื่องราวระหว่างเรามีแนวโน้มว่าจะเป็นไปไม่ได้
ให้ตายเถอะ… ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ซูฮัวอีก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจมากเท่านั้น นับตั้งแต่ที่ฝึกฝนวิชาของสำนักกลิ่นบุปผา นางก็ไม่เคยต้องจิตใจว้าวุ่นถึงเพียงนี้มาก่อน
ซูฮัวอีลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินบิดเอว พาเรือนร่างระหงงดงามในชุดเสื้อคลุมสีขาวตรงไปหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง และจ้องมองไปยังถนนทางทิศใต้
ซูฮัวอีคาดเดาว่าบุรุษหน้ากากทองแดงและพรรคพวกของเขาคงจะเดินทางมาที่เมืองหวังโจวเพื่อแย่งชิงคัมภีร์ปราณไร้วิญญาณ พิจารณาจากการที่พวกเขาเคยเจอคุณชายเทวะหลินเทียนหลางระหว่างเดินทางผ่านตอนเหนือของตัวเมือง เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเจอกันในโรงเตี๊ยมหวังเป่ยก่อน นั่นหมายความว่าตราบใดที่นางรอคอยอยู่ที่นี่ ซูฮัวอีก็จะมีโอกาสได้พบบุรุษชุดดำอีกครั้งอย่างแน่นอน
นางต้องจบเรื่องราวระหว่างเราให้ได้! ดวงตาของซูฮัวอีสั่นไหว น้ำตาคลอเต็มเบ้าสะท้อนประกายระยิบระยับ
และในเวลานั้นเอง ซูฮัวอีก็มองเห็นอาชาพ่วงพีสามตัวกำลังมุ่งหน้ามาจากถนนฝั่งทิศใต้ แม้ว่าด้านนอกจะมืดแล้ว และนางก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่บุรุษที่สวมใส่หน้ากากทองแดงบนหลังม้าก็เป็นที่โดดเด่นสะดุดตาอย่างแท้จริง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า