บทที่ 224 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง (5)
เหล่าขุนนางคนอื่น ๆ ที่รับชมเหตุการณ์ด้วยความสนุกสนานตกอยู่ในความตะลึงงันเช่นกัน ไม่ใช่ว่าตกตะลึงเพราะได้รู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียวเหยาอ๋อง แต่เป็นเพราะความสามารถของจ้าวอู่เจียงที่สามารถสยบเซียวเหยาอ๋องและบรรดาลูกสมุนได้ด้วยตัวคนเดียวต่างหาก
พวกเขารู้มานานแล้วว่าจ้าวอู่เจียงเป็นบุคคลมากเล่ห์และฉวยโอกาสเก่งนัก แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อจ้าวอู่เจียงเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่เช่นนี้ เขาก็ยังสามารถหาทางเอาตัวรอดได้ และยังโจมตีกลับใส่อีกฝ่ายได้ในทุก ๆ คำพูดอีกด้วย
หลิวเจ๋อดวงตาวาวโรจน์ หนวดเคราสั่นไหว ถอนหายใจออกมายาวแรง
แม้ว่าเขาจะมีความแม่นยำในการตัดสินผู้คน และรู้ว่าเซียวเหยาอ๋องมีตัวตนที่แท้จริงต่างไปจากฉากหน้าที่แสดงออกมา แต่ชายชราก็ไม่รู้เลยว่าหลายปีที่ผ่านมานั้น เซียวเหยาอ๋องได้กระทำเรื่องราวอันชั่วร้ายต่อแคว้นต้าเซี่ยมากมายถึงเพียงนี้
หลิวเจ๋อทั้งรู้สึกโล่งใจและเศร้าใจ เขาดีใจที่แคว้นต้าเซี่ยผู้มีพรสวรรค์อย่างจ้าวอู่เจียง แต่ก็น่าเสียดายที่เด็กคนนี้เกิดช้าไป และก็น่าเสียดายเช่นกันที่ลูกหลานของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงจ้าวอู่เจียงได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสามารถหรือไหวพริบปฏิภาณ
ตู๋กูอี้เหอยืนเอามือข้างหนึ่งไผล่หลัง เขารู้ดีมากกว่าหลิวเจ๋อพอสมควรถึงสิ่งที่เซวียนหยวนอวี้เหิงได้ลอบกระทำเอาไว้ แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวชั่วร้ายเหล่านั้นจะมีมากมายเกินคาดเดา
ตู๋กูอี้เหอรู้สึกตื้นตันใจ และได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น นั่นเพราะจ้าวอู่เจียงไม่เคยนำเรื่องราวเหล่านี้มาปรึกษากับเขาเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่พอใจหรือเป็นกังวล
เป็นการถอนหายใจให้แก่ความเด็ดเดี่ยวและจิตใจที่มุ่งมั่นของจ้าวอู่เจียง
หากนำเรื่องนี้มาปรึกษาเขากับหลิวเจ๋อ เรื่องราวทั้งหมดก็จะง่ายขึ้น แต่จ้าวอู่เจียงไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเลือกจะทำเรื่องทั้งหมดด้วยความสามารถของตนเอง
เพราะทันทีที่ความจริงเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ขุนนางจำนวนมากก็จะได้พบเห็นธาตุแท้ของเซวียนหยวนอวี้เหิง และบรรดาขุนนางที่คอยสนับสนุนเซียวเหยาอ๋องก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีหน้ากล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
และสาเหตุที่จ้าวอู่เจียงไม่ได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับเขาและหลิวเจ๋อ ก็คงเป็นเพราะเกรงว่าพวกเขาทั้งสองคนอาจจะตกเป็นเป้าหมายของเซวียนหยวนอวี้เหิง
ดังนั้น การที่จ้าวอู่เจียงทำเช่นนี้ก็เพื่อจะปกป้องพวกเขานั่นเอง
ไม่รู้เลยว่าจ้าวอู่เจียงต้องใช้ขวัญกำลังใจมากมายเพียงใดกัน เขาต้องอุทิศชีวิตให้แก่บ้านเมืองมากถึงเพียงไหน เขาต้องแบกรับปัญหาอยู่ในใจมากมายถึงเพียงใด… ตู๋กูอี้เหอได้แต่สั่นศีรษะและถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง
“ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่!” ฮ่องเต้จ้องมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“กระหม่อมอยู่ที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ก้าวเดินออกมาข้างหน้า ใบหน้าแสดงออกถึงความโกรธแค้นและเศร้าเสียใจ การกระทำอันไร้ยางอายของเซวียนหยวนอวี้เหิงทำให้เขารู้สึกเดือดดาลอย่างแท้จริง
“ข้าขอสั่งให้ศาลต้าหลี่นำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเซียวเหยาอ๋องไปสอบสวนให้รู้ถึงความจริงให้ได้!”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”
ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่รับคำด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น เข้าใจได้โดยทันทีว่าเพราะเหตุใดเรื่องนี้จึงไม่ได้ตกอยู่ในการสืบสวนของกรมยุติธรรม และศาลต้าหลี่เป็นเพียงผู้เดียวที่ต้องรับผิดชอบคดีนี้ นั่นเป็นเพราะเสนาบดีกรมยุติธรรมก็คือหนึ่งในขุนนางที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหินในท้องพระโรง เนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้ติดตามของเซียวเหยาอ๋องนั่นเอง
ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อด้วยความเกรี้ยวกราด แล้วระเบิดเสียงคำรามลั่น
“จบสิ้นการประชุม!”
…
แต่เรื่องราวในวันนี้ยังไม่จบ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า