บทที่ 236 ก่อนฤดูหนาว หยอกเย้าฮ่องเต้หญิง
จ้าวอู่เจียงเดินกลับไปถึงตำหนักหย่างซินด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนพื้นห้องบรรทมภายใต้สายตาสงสัยและเป็นกังวลของฮ่องเต้หญิง
ณ เวลาเดียวกันนี้ บทกวีที่จ้าวอู่เจียงแต่งขึ้นในการประชุมกลุ่มสำนักใต้ดินก็ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วนครหลวงอย่างรวดเร็ว เหล่าบัณฑิตและสาวงามจำนวนมากเมื่อได้รับฟังบทกวีของเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความตกตะลึง
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมียอดกวีเช่นนี้อยู่ในนครหลวง บทกวีของจ้าวอู่เจียงมีความเรียบง่ายเป็นธรรมชาติแต่งดงาม ซ้ำยังสามารถแต่งออกมาได้หลายบทในเวลาเพียงอึดใจเดียว นับว่ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
ในเวลาเดียวกันนี้ หลายคนในนครหลวงก็เศร้าใจที่ตนเองไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของยอดนักกวีผู้นี้ พวกเขารู้เพียงแต่ว่ายอดนักกวีผู้นี้มาจากเมืองหลันซิน และนี่ก็ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเสียดายมากขึ้นที่บุคคลมากพรสวรรค์เช่นนี้ไม่ได้มาจากนครหลวง
บทกวีของจ้าวอู่เจียงได้รับการเผยแพร่ไปตามร้านค้า หอสุรา สวนพฤกษา และสถานที่อื่น ๆ อีกมากมายราวกับติดปีก เพียงจากยามบ่ายไปจนถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน บทกวีของชายหนุ่มก็ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วนครหลวง และบางส่วนก็ได้เล็ดลอดออกไปนอกนครหลวงแล้วเช่นกัน
สุดท้าย บทกวีเหล่านั้นก็ได้รับการเอ่ยถึงปากต่อปากจนไปถึงหูบรรดาบุรุษที่ต้องการจะเข้ามาสอบบัณฑิตในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
…
จ้าวอู่เจียงนอนไม่หลับ ได้แต่จ้องมองขื่อหลังคาด้วยดวงตาร้อนผ่าว หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจ คิดเกี่ยวกับแผนการในอนาคตหลังจากนี้
ก่อนอื่นเขาต้องหาทางกำจัดอันตรายทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในวังหลวงออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกู่พิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ไปจนถึงบรรดาขุนนางที่กระหายในอำนาจ
จ้าวอู่เจียงต้องการจะผนึกกำลังร่วมกับหลิวเจ๋อ ตู๋กูอี้เหอและคนอื่น ๆ ในการรวมอำนาจในราชสำนัก และกำจัดผู้คนที่สนับสนุนเซียวเหยาอ๋องออกไปให้สิ้นซาก
ในเวลาเดียวกันนี้ก็ต้องหาทางผูกมิตรกับบรรดาสำนักใต้ดินในนครหลวงให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคขึ้นในอนาคตโดยไม่จำเป็น
อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องการเดินทางไปยังอารามหลานรั่ว เพื่อหาคำตอบให้แก่ความสงสัยของตนเองถึงการฝึกฝนวิชาปราณไร้วิญญาณด้วย
นับจากนี้ไปคงมีเรื่องราวอีกมากมายเกิดขึ้นไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จ้าวอู่เจียงก็จะไม่มีทางปล่อยให้ผู้คนที่เขาห่วงใยต้องได้รับความเดือดร้อนเด็ดขาด
เขาต้องการจะปกป้องตนเอง ฮ่องเต้หญิง ตู๋กูหมิงเยว่และทารกในครรภ์ของนาง เช่นเดียวกับบรรดาโฉมงามที่อยู่รอบกาย และรวมถึงปกป้องราษฎรของแคว้นต้าเซี่ยอีกด้วย…
“เจ้าคิดอันใดอยู่หรือ? บอกมาสิ ข้ายินดีรับฟัง” ฮ่องเต้หญิงวางจดหมายในมือลงและกล่าวช้า ๆ
“ข้าเป็นโอรสสวรรค์ ข้าสามารถช่วยทำให้เจ้าหายกังวลได้”
“กระหม่อมกำลังคิดถึงฝ่าบาท” จ้าวอู่เจียงหันมาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฮ่องเต้หญิงทั้งรู้สึกเขินอายและรำคาญใจในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้ายังคิดถึงเรื่องอันใดอีก?”
“กระหม่อมกำลังคิดว่าฝ่าบาทจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีกระหม่อม…” จ้าวอู่เจียงลุกขึ้นยืนเดินไปที่โต๊ะของฮ่องเต้ ก่อนจะรินน้ำชาให้แก่ตนเองหนึ่งถ้วย
“เฮอะ!” ฮ่องเต้หญิงไม่ทราบเลยว่าตนเองแค่นหัวเราะออกไปเพราะสิ่งที่ตนเองกำลังคิดหรือเพราะคำตอบของอีกฝ่ายกันแน่ นางกลับมาสนใจจดหมายในมืออีกครั้ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ข้ารู้ทุกสิ่งที่เจ้ากระทำในการประชุมสำนักใต้ดินวันนี้แล้ว”
จ้าวอู่เจียงเลิกคิ้วขึ้นสูง ข่าวมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
“ต้องบอกเลยว่าข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้”
ฮ่องเต้หญิงแสดงความชื่นชมอย่างแท้จริง ตอนแรกที่นางได้รับจดหมายรายงาน นางก็ทั้งตกตะลึงและดีใจ เนื้อหาในจดหมายที่ชื่นชมจ้าวอู่เจียงทำให้นางรู้สึกภาคภูมิใจราวกับนี่เป็นการชื่นชมตัวนางเองอย่างไรอย่างนั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า