บทที่ 238 ไม่ได้ไล่ล่าอย่างที่คิด
รุ่งเช้า
จ้าวอู่เจียงออกเดินตรวจตราตำหนักนางสนมตามปกติ
เมื่อเสร็จสิ้น เขาก็แวะไปที่โรงหมอหลวง บัดนี้โรงหมอหลวงได้รับการซ่อมแซม และบรรดาเจ้าหน้าที่ประจำโรงหมอหลวงชุดเก่าก็ถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว
โรงหมอหลวงกำลังจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในไม่ช้า หลังจากมีการคัดเลือกผู้ดูแลโรงหมอหลวงคนใหม่
โรงหมอหลวงเป็นสาขาของกรมการแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเก้ากรม
ในส่วนของผู้ดูแลโรงหมอหลวงนั้น แม้จะมีตำแหน่งที่สูงส่งไม่น้อย ทว่างานก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสแต่อย่างใด วันทั้งวันแทบไม่ต้องทำสิ่งใดเลย
ในเวลาเดียวกันนี้
บริเวณประตูเมืองฝั่งทิศใต้ของนครหลวง ม้าเร็วกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า
บนหลังม้าคือซูฮัวอีซึ่งสวมใส่ชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดสีแดง
หญิงสาวควบขี่ม้าเร็วเดินทางมาตลอดหนึ่งวันสองคืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ใบหน้าถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าสีขาว แต่แม้จะมีผ้าคลุมหน้าปกปิดอยู่ ผู้คนก็ยังสามารถมองเห็นโครงหน้าอันงดงามทะลุผ้าคลุมหน้าทะลุออกมาได้อยู่ดี
นับจากวันที่นางแยกจากบุรุษชุดดำในโรงเตี๊ยมหวังเป่ย ซูฮัวอีก็ได้รู้คำตอบของคำถามตนเอง และเริ่มคิดเกี่ยวกับการติดตามบุรุษผู้นี้
ความจริง ซูฮัวอีเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกลิ่นบุปผา แต่นางก็ไม่ได้มีนิสัยเหมือนสมาชิกร่วมสำนักแม้แต่นิดเดียว แม้ว่านางจะมีเสน่ห์และหน้าตางดงาม แต่ซูฮัวอีก็มักจะทำตามความรู้สึกของหัวใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยสนใจเรื่องราวความรักระหว่างบุรุษกับสตรีมาก่อน
มันเป็นเรื่องราวไกลตัวที่พบเจอได้เพียงในตำราโบราณเท่านั้น
จนกระทั่งนางได้มาเจอบุรุษผู้นี้
แน่นอนว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขาย่อมใช้สายตาสำรวจใบหน้าและเรือนร่างของนางอย่างเปิดเผย แต่ซูฮัวอีกลับมองไม่เห็นแววตาแห่งราคะจากดวงตาของเขาเลย คล้ายกับเขาเพียงชื่นชมสิ่งงดงามของโลกใบนี้เท่านั้น
ในภายหลัง นางถูกพิษของโอสถฤดูหนาวจากสำนักของตัวเองเล่นงาน เมื่อมันออกฤทธิ์ ทั้งสองฝ่ายก็แสดงสัญญาณของเปลวไฟแห่งแรงปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นมา ทว่าแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เขาก็ยังไม่แสดงความหื่นกระหายออกมาแม้แต่นิด
หากนางไม่ได้มีจิตคิดร้ายลอบเล่นงานเขาจากทางด้านหลัง เรื่องราวหลังจากนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น
ต่อมา พวกเขาได้พบกันอีกครั้งในโรงเตี๊ยมหวังเป่ย ทั้งสองต่างปลดปล่อยความปรารถนาจนกระทั่งแยกจากกัน ความรู้สึกของทุกช่วงเวลาเหล่านั้นยังคงแทรกซึมอยู่ในหัวใจไม่เสื่อมคลาย
ซูฮัวอีถามคำถามกับตนเองและได้รับคำตอบที่นางต้องการแล้ว
หลังจากนั้น ทางเจ้าสำนักกลิ่นบุปผาก็ได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและต้องการจะเรียกตัวนางกลับไปสอบสวน ซูฮัวอีเกรงว่าหากได้รับการสอบสวนแล้ว ตนจะต้องถูกกักขังอยู่ในเขตด้านหลังภูเขาของสำนักตลอดไป และจะไม่มีวันได้พบเจอกับบุรุษผู้นี้อีก ดังนั้น นางจึงเลือกที่จะหลบหนีและถูกไล่ล่ามาตลอดทาง….
บัดนี้เมื่อเห็นประตูเมืองนครหลวงอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มที่สูญหายไปนานก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แม้เขาจะสวมใส่หน้ากากทองแดงแปลกประหลาด แต่ในที่สุด หลังจากสืบหาข้อมูลอยู่หลายครั้ง นางก็ได้ทราบว่าบุรุษที่ตนเองใฝ่ฝันนั้นน่าจะเป็นเจ้าสำนักไร้ขอบเขตเป็นแน่แท้
“ย่ะห์!”
ซูฮัวอีกระตุกสายบังเหียนอย่างต่อเนื่อง เจ้าม้าเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าสู่ประตูเมืองด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้คนส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตกใจ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า