บทที่ 253 ส้มแดนใต้กับส้มแดนเหนือ
ขุนนางต้าหลี่เจิ้งและพรรคพวกมีเหงื่อผุดซึมขึ้นบนหน้าผาก ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้จะมีฮ่องเต้อยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
จบสิ้นแล้ว! จบสิ้นแล้วจริง ๆ! ความหวาดกลัวและตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนสีหน้าของพวกของขุนนางต้าหลี่เจิ้ง พวกเขาทราบดีว่าตนคงหนีชะตากรรมไม่พ้นแล้ว เมื่อล่วงเกินจ้าวอู่เจียงไปเช่นนี้
ฮ่องเต้อยู่ข้างเดียวกับข้า พวกเจ้ายังอยากจะฟ้องข้าอยู่อีกหรือ? …จ้าวอู่เจียงหันกลับไปมองพรรคพวกของขุนนางต้าหลี่เจิ้งซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นท้องพระโรง ก่อนที่จะหันกลับไปคำนับให้แก่ฮ่องเต้ และพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีตั้งแต่ก่อตั้งสำนักไร้ขอบเขต จ้าวอู่เจียงไม่ได้มีเจตนาที่จะถอดหน้ากากออกเลย
แต่เขาก็ยังคงต้องการใช้ตนเป็นเหยื่อล่อในการวางกับดักนี้
เมื่อตัวตนถูกเปิดเผย พวกศัตรูก็คงพร้อมจะเล่นงาน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายร้องเรียนฮ่องเต้ หรือนำเรื่องนี้มาฟ้องร้องในที่ประชุมขุนนางโดยตรง พวกศัตรูล้วนต้องพยายามทำทุกทางเพราะหวังจะกำจัดเขาออกไปจากศูนย์กลางอำนาจ
ทว่าเซวียนหยวนจิ้งจะต้องปกป้องเขาอย่างแน่นอน และในเวลาเดียวกันนี้ นางก็จะประกาศให้ขุนนางทุกคนรู้ว่า จ้าวอู่เจียง เป็นขุนนางคนโปรดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
ตราบใดที่ทุกคนรับรู้ความจริงข้อนี้ แผนการขั้นต่อไปก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที
ภายในท้องพระโรงคือศูนย์กลางแห่งอำนาจ
จ้าวอู่เจียงมีอำนาจในฝ่ายบริหาร
ส่วนนอกวังหลวงเขาก็มีอำนาจในโลกใต้ดิน
เขากับเซวียนหยวนจิ้งหันมองหน้ากัน ทั้งสองล้วนเข้าใจความหมายในสายตาของกันและกันทันที เซวียนหยวนจิ้งโบกมือให้ชายหนุ่ม และกล่าวด้วยเสียงดังกังวาน
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ข้ารู้ว่าพวกท่านมีเจตนาดีที่ต้องการจะปกป้องราชบัลลังก์ ดังนั้นจึงทำให้เข้าใจจ้าวอู่เจียงผิดไปบ้าง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางต้าหลี่เจิ้งและพรรคพวกยืนขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา พวกเขาหันไปโค้งคำนับจ้าวอู่เจียงด้วยความรู้สึกผิด ก่อนขุนนางต้าหลี่เจิ้งจะกล่าวออกมาเบา ๆ
“ข้าหวังว่าใต้เท้าจ้าว… คงจะไม่… ถือสา…”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้า แล้วเขาก็ล้วงส้มลูกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ พลางกล่าวเสียงเรียบ
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะรายงานพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามาได้เลย” ฮ่องเต้พูดอย่างอารมณ์ดี
บรรดาขุนนางทั้งหลายทราบดี เรื่องที่จ้าวอู่เจียงจะรายงานนั้นต้องเกี่ยวข้องกับพวกของขุนนางต้าหลี่เจิ้งอย่างแน่นอน และฮ่องเต้ก็รีบมอบโอกาสให้เขาได้พูดอย่างไม่รอช้า
ทุกคนเห็นจ้าวอู่เจียงล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ แขนเสื้อที่ประดับด้วยดิ้นเงินลวดลายก้อนเมฆสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็มีส้มสีเหลืองทองลูกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่ม
แววตาของหลินหรู่ไห่สั่นไหว ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ
หลิวเจ๋อกับตู๋กูอี้เหอยิ้มแย้มออกมา
ส่วนขุนนางคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าจ้าวอู่เจียงต้องการจะทำอะไรกันแน่
จ้าวอู่เจียงปอกเปลือกส้มด้วยความนุ่มนวล แกะกลีบส้มพร้อมเอาใส่ปากและเคี้ยวช้า ๆ รสหวานของน้ำส้มกระจายกำซาบอยู่ในปาก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า