บทที่ 255 เคล็ดลับความสำเร็จ
ตู๋กูอี้เหอจ้องมองจ้าวอู่เจียงด้วยความเคารพชื่นชม การได้เห็นจ้าวอู่เจียงเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ตู๋กูอี้เหอปรารถนาเหลือเกินที่จะมีลูกชายอย่างจ้าวอู่เจียง
ในหัวใจของหลินหรู่ไห่เต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมยกย่อง นอกจากจ้าวอู่เจียงจะมีจิตใจที่สงบสุขุมและมีความสามารถทางการแพทย์เป็นเลิศแล้ว เขายังเป็นคนหนุ่มมากพรสวรรค์อีกด้วย เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองเช่นนี้ แม้แต่หลิวเจ๋อก็ยังสู้ไม่ได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีอย่างแน่นอน
แต่หลินหรู่ไห่ก็เกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกว่า จ้าวอู่เจียงกำลังอยู่ในความร้อนรนอย่างแปลกประหลาด
คล้ายกับว่ากำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จ้าวอู่เจียงจำเป็นต้องใช้ตัวเองออกมาเป็นเหยื่อล่อ เพื่อรับมือกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำเข้ามา
เยียนอันเสิ่นและกลุ่มเสนาบดีอีกสามคนนิ่งเงียบ พวกเขาไม่เคยเห็นบุรุษหนุ่มผู้ใดสามารถกระทำในสิ่งนี้ได้มาก่อน แต่บัดนี้ พวกเขาก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าจ้าวอู่เจียงสามารถกระทำได้สำเร็จแล้วจริง ๆ
จ้าวอู่เจียงไม่ได้ดูเหมือนบุรุษหนุ่มไร้เดียงสาเลยสักนิด แต่เขาเป็นเหมือนขุนนางผู้มากประสบการณ์ ชำนาญเรื่องการวางหมากทางการเมือง และดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนการสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นนี้ เกรงว่าเซวียนหยวนอวี้เหิงคงไม่มีทางปล่อยให้จ้าวอู่เจียงมีชีวิตอยู่รอดอย่างแน่นอน…เยียนอันเสิ่นและพรรคพวกได้แต่สั่นศีรษะ เซวียนหยวนอวี้เหิงนั้นแตกต่างออกไป แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้ที่จิตใจดีมีเมตตา แต่ในความเป็นจริง เซวียนหยวนอวี้เหิงเป็นคนที่จิตใจอำมหิตอย่างยิ่ง
เดิมทีพวกเขาคิดถวายชีวิตรับใช้เซวียนหยวนอวี้เหิงด้วยความจริงใจ แต่ภายหลัง ทุกคนถึงได้รู้ว่าเซวียนหยวนอวี้เหิงมีเนื้อแท้ที่อำมหิตและเลือดเย็นมากเพียงใด คนผู้นั้นถึงกับนำกู่พิษใส่เข้ามาในร่างกายของพวกเขาเพื่อบังคับควบคุมให้ทำตามคำสั่ง นี่คือสิ่งที่ไม่มีมนุษย์คนใดพึงกระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง
“บ่ายวันนี้ ข้าจะจัดงานเลี้ยงให้แก่ทุกท่านในหอฉินเจิ้ง” ฮ่องเต้กล่าวด้วยความสบายใจ ต้องการจะตกรางวัลให้แก่เหล่าขุนนางที่เลือกอยู่ข้างเดียวกับตน
บรรดาขุนนางน้อมรับคำอย่างพร้อมเพียงกัน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เมื่อการประชุมรอบเช้าสิ้นสุดลง กลุ่มขุนนางก็แยกย้ายกันออกจากท้องพระโรง
ทางเดินในวังหลวงมีเส้นทางอันยาวไกลและกว้างใหญ่ เหล่าขุนนางแบ่งกลุ่มกันเดินไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย
จ้าวอู่เจียงกำลังพูดคุยอยู่กับพวกของหลิวเจ๋อ ตู๋กูอี้เหอและหลินหรู่ไห่ เพื่อปรึกษาหารือกันว่าฝ่ายบริหารควรจะให้ความสนใจเรื่องใดในอนาคตก่อน
หลิ่วว่านซานผู้เป็นเสนาบดีกรมคลังคนใหม่ถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาเพื่อนขุนนางที่เข้ามาแสดงความยินดีและประจบประแจงอย่างต่อเนื่อง
การได้เลื่อนขั้นอย่างก้าวกระโดดของหลิ่วว่านซานคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงจริง ๆ เหล่าขุนนางจำนวนไม่น้อยต่างก็ต้องการจะถามเคล็ดลับว่าหลิ่วว่านซานทำได้อย่างไร
แต่หลิ่วว่านซานแค่มองไปที่จ้าวอู่เจียงด้วยสายตาเคารพเทิดทูน ตอบคำถามออกมาอย่างจริงใจเพียงสามคำเท่านั้นว่า “ใต้เท้าจ้าว”
เหล่าเพื่อนขุนนางเข้าใจโดยทันที พลันพวกเขาถอนหายใจ บางที หากผูกมิตรกับจ้าวอู่เจียงก่อนหน้านี้ พวกเขาก็คงได้เลื่อนขั้นไปนานแล้ว
แต่เหตุผลที่เหล่าขุนนางส่วนใหญ่ไม่รู้เลยก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา จ้าวอู่เจียงตกเป็นเป้าหมายแห่งความเกลียดชังของผู้คนไม่ใช่น้อย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า