บทที่ 277 บุรุษในความมืด หลวงจีนใต้แสงจันทร์ (2)
หลี่เซวียนชี้นิ้วไปที่กลางหน้าผากของหยางเมียวเจิ้น ช่วงลมหายใจต่อมา เปลือกตาของหยางเมียวเจิ้นก็กระตุกอย่างรุนแรง ราวกับว่านางกำลังรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส ใบหน้าของนางกลายเป็นสีชมพูเรื่อ ดูมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ศิษย์น้องหยาง” หลี่เซวียนเรียกอย่างอ่อนโยน
“ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว”
ร่างอันงดงามของหยางเมียวเจิ้นสั่นเทา นางลืมตาขึ้น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้น
“หลี่เซวียน เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะถูกคนจากสามสำนักตามล่า!”
ยามนี้ไฟราคะถูกปลุกให้ลุกโชน แต่หยางเมียวเจิ้นก็พยายามอย่างยิ่งในการควบคุมตนเองให้มีสติ นางหลับตาลง รู้ดีถึงสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้
“คนเราแค่ได้ถือกำเนิดเกิดมาก็นับว่าโชคดีเพียงใดแล้ว? ยังจะต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกไปทำไมอีก” หลี่เซวียนโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ สูดดมกลิ่นกายหอมละมุนของหยางเมียวเจิ้น
กลิ่นกายของหยางเมียวเจิ้นสามารถปลุกหกความปรารถนาทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ปลุกได้อย่างครบถ้วน ความงดงามทั้งหมดที่สตรีผู้หนึ่งพึงมีได้ ล้วนรวมอยู่ในเรือนร่างของนางอย่างสมบูรณ์แบบ
หลี่เซวียนต้องการจะฉีกกระชากอาภรณ์ของหญิงสาวออก เพื่อปลดปล่อยความปรารถนาของตนเองอย่างบ้าคลั่ง
แต่หลี่เซวียนก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ก่อน เพราะเขาอยากจะจุดไฟราคะในกายของหยางเมียวเจิ้นให้ลุกโชนจนนางทนไม่ไหว จากนั้นก็จะไปจุดไฟราคะเว่ยชิงหลิงตามลำดับ เมื่อสำเร็จแล้วตนก็จะได้ดูดพลังจากพวกนางทั้งสองคนพร้อม ๆ กัน
หลังจากต้องเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย หลี่เซวียนเป็นนักล่าที่มีความอดทนมาก เมื่อได้กลิ่นกายของหยางเมียวเจิ้น เขาก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่นของหญิงพรหมจรรย์ รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของนางที่เจือปนมาด้วยความปรารถนาและความหวาดกลัว
ยิ่งหยางเมียวเจิ้นหลับตาก็ยิ่งดูเย้ายวนใจมากขึ้น
“คนจากทั้งสามสำนักต่างก็ตายด้วยกิเลสของตนเองทั้งสิ้น แล้วเจ้าจะมาโทษข้าได้อย่างไร? สำนักศรัทธาราษฎรของพวกเจ้าสั่งสอนให้ทำความเข้าใจถึงไฟราคะด้วยไม่ใช่หรือ?”
“บัดนี้ทั้งเจ้าและศิษย์น้องเว่ยกำลังจะถูกเปลวไฟแห่งราคะแผดเผาจนมอดไหม้ พวกเจ้าไม่สามารถซ่อนเร้นตนเองจากมันได้อีกแล้ว”
“… และข้าเองก็เช่นกัน” ดวงตาของหลี่เซวียนปรากฏแสงเรืองรองด้วยไฟแห่งราคะ เขากล่าวต่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ข้าอุตส่าห์เสียสละตนเอง ช่วยทำให้พวกเจ้าได้รู้จักรสชาติของไฟราคะ แล้วเจ้าจะขัดขืนธรรมชาติของมนุษย์ไปเพื่ออันใด หากพวกเจ้าไม่สามารถรอดพ้นจากไฟราคะไปได้ นั่นเป็นความผิดของข้าด้วยหรือ?”
“ศิษย์พี่หลี่ ท่านกำลังถูกปีศาจภายในจิตใจกลืนกิน ได้โปรดอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เลย! ท่านยังมีโอกาสกลับตัวกลับใจ!” หยางเมียวเจิ้นไม่สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นได้อีกต่อไปแล้ว บัดนี้หยางเมียวเจิ้นถูกไฟแห่งความปรารถนากัดกร่อนจิตใจอย่างรุนแรง จนนางอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
“ฮ่า ๆๆ…” หลี่เซวียนหัวเราะเยาะ
“ยังจะต้องกลับตัวกลับใจอันใดเล่า?”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา มือใหญ่เอื้อมไปที่กระดุมซึ่งอยู่บนหน้าอกของหยางเมียวเจิ้น กระดุมที่ถูกดันจนพองเหมือนจะระเบิดได้ทุกเวลา
หยางเมียวเจิ้นมีสีหน้าหมดหวัง นางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น ทว่าก็ไร้ความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกห้องพัก หลี่เซวียนอาจจะใช้ลมปราณปิดกั้นเสียงภายในห้องนี้เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
อาจารย์บอกว่านางจะเจอโชคชะตาของตนเองที่นี่ไม่ใช่หรือ? นี่หรือคือโชคชะตาของนาง? หัวใจของหยางเมียวเจิ้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเศร้าเสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้แม้แต่ลมปราณก็ใช้ไม่ได้
“โครม!”
ทันใด ร่างของคนผู้หนึ่งก็พุ่งทะลุประตู นำพาแสงจันทร์เย็นเยือกสอดส่องเข้ามาด้วย
…
ภายใต้ต้นไม้โบราณด้านนอก หลวงจีนในเสื้อผ้าเก่าขาดผู้เป็นเจ้าอาวาสของอารามหลานรั่วยังคงพนมมือ พึมพำด้วยสีหน้าเศร้าหมองต่อไป
“อมิตาพุทธ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า