บทที่ 286 ชายชราฟื้นตื่น ความจริงที่เงียบงัน
ค่ำคืนในฤดูหนาว ยิ่งดึกมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นมากเท่านั้น
เมื่อทั้งสองคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ความอบอุ่นก็บังเกิดในหัวใจ
…
รุ่งเช้ามาถึงอย่างเชื่องช้า พระราชโองการถูกประกาศออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างการประชุมขุนนางมีการประกาศพระราชโองการว่า ขุนนางสิบสี่คนได้ลาออกจากตำแหน่ง เหตุมาจาก ‘พวกเขาแก่ชราและเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดมากเกินไป’ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าบัลลังก์มังกรก็คือ ขุนนางทั้งสิบสี่คนต้องถูกนำตัวออกมา และถูกสังหารในความเงียบงัน
โลหิตไหลนองจากร่างกายของขุนนางเหล่านั้น ทำให้ผู้คนในท้องพระโรงตื่นตระหนก
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัด ผู้คนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ และสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าจากฮ่องเต้
หลังครองบัลลังก์มานานหลายปี บัดนี้ฮ่องเต้ไม่ได้ปกครองบัลลังก์ด้วยความอ่อนแออีกต่อไปแล้ว
…
จ้าวอู่เจียงขี่ม้ากลับเข้าสู่สำนักไร้ขอบเขต และเข้าสู่สำนักจากประตูด้านหลัง
เนื่องจากประตูหน้าถูกปิดกั้น ทั้งยังมีกลุ่มบุรุษและสตรีมากมายมายืนรวมตัวกันแยู่ทุกๆ วัน ด้วยพวกเขาปรารถนาจะได้เจอจ้าวอู่เจียง
ชายหนุ่มเดินไปตามเฉลียงทางเดินจนถึงห้องอ่านตำรา
ไม่มีผู้ใดอยู่ด้านใน คงไปจัดการเรื่องราวอื่น ๆ อยู่ จ้าวอู่เจียงนั่งพักอยู่ในห้องอ่านตำราครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปยังห้องพักที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ซูฮัวอีกำลังฝึกฝนวิชา เมื่อเห็นหน้าจ้าวอู่เจียง นางก็หยุดการฝึกฝนและเริ่มต้นการก่อกวน หญิงสาวขอให้เขาช่วยเล่าทุกเรื่องให้ฟัง ซ้ำยังกล่าวว่า เพียงแยกจากกันวันเดียว นางก็รู้สึกเหมือนห่างไกลถึงสามฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ซูฮัวอีดึงจ้าวอู่เจียงไปนั่งลงที่เตียงนอน จากนั้นนางกับเขาจึงนอนหันหน้าเข้าหากัน
จ้าวอู่เจียงบอกแก่ซูฮัวอีว่า เมื่อได้กลับมาพบนางอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยาม กระทั่งหนึ่งชั่วยามครึ่ง
ซูฮัวอีมีสภาพคล้ายดอกบัวบานที่ถูกพายุฝนโหมกระหน่ำเข้าใส่ ร่างกายนางสั่นสะท้าน พ่ายแพ้ให้แก่หยาดน้ำค้างสีขาวขุ่นที่พร่างพรมลงมาจนหมดแรง
ซูฮัวอีนอนขดตัวอย่างเกียจคร้านอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวอู่เจียง ผมสีดำยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตเป็นประกายเย้ายวนราวกับนางปีศาจจิ้งจอก นางกำลังจ้องมองจ้าวอู่เจียงด้วยความเร่าร้อน แววตาบ่งบอกถึงความสุข กระนั้นก็มีความขุ่นเคืองใจ นางกัดริมฝีปากแดงของตน ก่อนจะถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“ท่านไปเรียนรู้วิชาของสำนักกลิ่นบุปผามาจากที่ใด?”
จ้าวอู่เจียงลูบไล้เรือนร่างอบอุ่นและงดงาม เขาแย้มยิ้มปริศนา
หลังได้คัมภีร์ฝึกจิตมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลองนำกลวิธีในคัมภีร์มาใช้กับวิชาของสำนักกลิ่นบุปผาที่เคยได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้จากการเคลื่อนไหวระหว่างร่วมรักกับซูฮัวอี
เพียงผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง เขาก็สามารถดูดซับพลังจากซูฮัวอีจนทำให้นางแทบขาดใจตายได้
“นี่ไม่ใช่วิชาของสำนักกลิ่นบุปผาสักหน่อย” จ้าวอู่เจียงส่ายหน้า สีหน้ายังคงบอกถึงความเจ้าเล่ห์บางอย่าง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า