บทที่ 29 การนำเข้ากู่พิษแห่งโหลวหลาน
จ้าวอู่เจียงกับเจี๋ยเอ้อร์ซานยืนอยู่ในร่มเงา ชายชราเริ่มต้นรายงานสิ่งที่ตนพบเห็น
หลังจากจ้าวอู่เจียงได้รับจดหมายจากขันทีน้อยร่างผอม เจี๋ยเอ้อร์ซานก็ติดตามเขาไปตลอดทาง นับตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงหมอหลวงจนออกมาถึงนอกวังหลวง เจี๋ยเอ้อร์ซานมีหน้าที่คอยสังเกตอากัปกิริยาของผู้ดูแลโรงเก็บสมุนไพรอย่างหวังอวี้ข่าย
จ้าวอู่เจียงคาดการณ์ว่าในขบวนเกวียนขนส่งสมุนไพรนี้ต้องมีสมุนไพรหลายชนิดถูกซ่อนไว้อย่างแน่นอน และมันต้องเป็นสมุนไพรที่มีคนต้องการใช้เป็นการส่วนตัว
ดังนั้น จ้าวอู่เจียงจึงทดสอบชายชราด้วยการเดินไปตรวจสอบสมุนไพรในเกวียนทุกเล่ม
ตอนเขาตรวจสอบสมุนไพรแต่ละชนิด หวังอวี้ข่ายก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป บางครั้งตื่นเต้น บางครั้งหวาดกลัว บางครั้งวิตกกังวล
ซึ่งสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เจี๋ยเอ้อร์ซานผู้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
“เรียนใต้เท้า ตอนที่ท่านตรวจสอบรากสมุนไพรชนิดแรกและขวดหยกบรรจุน้ำยาสมุนไพรขวดที่เจ็ด หวังอวี้ข่ายมีสีหน้าตื่นตระหนก ข้าน้อยรู้สึกว่าสมุนไพรเหล่านั้นต้องมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง” เจี๋ยเอ้อร์ซานพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“และเมื่อท่านเก็บรากสมุนไพรสองชนิดแรก ขวดหยกบรรจุน้ำยาสมุนไพรขวดที่เจ็ด และโสมรากที่ 11 หวังอวี้ข่ายก็มีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดขอรับ!”
“ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ หวังอวี้ข่ายมีใบหน้ายิ้มแย้มอย่างชั่วร้าย บางครั้งก็พยายามซ่อนเร้นความเกลียดชัง เช่นเดียวกับความเหยียดหยามในแววตา”
“ขอบใจท่านมาก เอ้อร์ซาน” จ้าวอู่เจียงรีบทบทวนความทรงจำของตนเองอย่างรวดเร็ว เขาพยายามจะนึกดูว่าสมุนไพรเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
“การได้รับใช้ใต้เท้าถือเป็นเกียรติสำหรับข้าน้อยขอรับ!” เจี๋ยเอ้อร์ซานซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากแสดงออกถึงความเคารพ
จ้าวอู่เจียงยกมือถูนิ้ว หรี่ตาลงเล็กน้อย ในที่สุด เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
โสม! ไม่สิ ดินในกล่องโสมต่างหาก!
โสมคือหนึ่งในสมุนไพรล้ำค่าของชาติจีน เพราะมันคือสมุนไพรที่ยากต่อการเพาะปลูก
โสมเป็นสมุนไพรที่ชอบอากาศเย็น ทนทานต่ออากาศเย็น กลัวความร้อน ด้วยเหตุนี้ โสมที่หายากมักจะเติบโตอยู่ในป่าใหญ่หนาทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง
เพราะฉะนั้น การปลูกโสมในวังหลวงก็จำเป็นต้องใช้ดินชนิดเดียวกับที่โสมต้นนั้นขึ้นตามธรรมชาติ จ้าวอู่เจียงนึกถึงกล่องเก็บโสมที่บรรจุดินชื้นสีแดงขึ้นมา
นี่เป็นสิ่งที่อธิบายสีหน้าของหวังอวี้ข่าย ชายชรามีอาการตื่นตระหนกเมื่อจ้าวอู่เจียงพิจารณาโสมเหล่านั้น
และเมื่อเห็นว่าขันทีหนุ่มต้องการจะยักยอกโสมนั้นเก็บเอาไว้เองส่วนหนึ่ง หวังอวี้ข่ายก็รีบเข้ามาห้ามปรามทันที
สิ่งสำคัญคือดินที่มากับรากโสม
จ้าวอู่เจียงรีบเปิดกล่องไม้และนำรากโสมออกมาดู ชายหนุ่มใช้นิ้วหยิบดินขึ้นมาขยี้เบา ๆ ก่อนจะนำขึ้นมาสูดดม ดวงตาพลันเบิกกว้าง
เพราะตนได้กลิ่นเลือด กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรง!
ตอนแรกอาจไม่ได้กลิ่น แต่ถ้านำดินมาขยี้ กลิ่นเลือดก็จะลอยขึ้นมาทันที
“ใต้เท้าขอรับ มีขบวนเกวียนขนส่งสมุนไพรกำลังจะเข้าสู่วังหลวง” เจี๋ยเอ้อร์ซานส่งเสียงรายงาน ก่อนเสียงชายเสื้อปะทะสายลมจะดังขึ้น แล้วร่างขององครักษ์ชราก็หายไปในอากาศ
จ้าวอู่เจียงเดินออกมาจากร่มเงา รอคอยอยู่หน้าประตูวังหลวง เมื่อเห็นขบวนเกวียนสมุนไพรเคลื่อนเข้ามาใกล้ เขาก็เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ดูเหมือนว่าจะมีการซื้อขายสมุนไพรครั้งใหญ่ บนเกวียนเต็มไปด้วยหีบไม้และหญ้าฟางเต็มไปหมด
จ้าวอู่เจียงกำลังจะตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในหีบไม้เหล่านั้น หวังอวี้ข่ายก็รีบเดินเข้ามาขัดขวาง
“ใต้เท้าจ้าว ท่านดูแลสินค้าแค่ตอนส่งออกก็พอ ส่วนสินค้าตอนนำเข้าเป็นหน้าที่ของพวกเรา ท่านจะเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้!”
“ข้าแค่ตรวจดูเฉย ๆ เอง” จ้าวอู่เจียงยิ้มอย่างไม่แยแส กำลังจะเปิดฝาหีบ ถุงผ้าขนาดใหญ่เท่าหัวคนก็ถูกยัดเข้ามาในอ้อมแขนด้วยฝีมือของหวังอวี้ข่าย มันคือถุงผ้าที่อัดแน่นด้วยเบี้ยเงินและเบี้ยทอง
หวังอวี้ข่ายยิ้มและพูดว่า “ใต้เท้าจ้าว นี่คือเงินของท่าน!”
“แต่การตรวจสอบก็เป็นหน้าที่ของข้าเช่นกัน” จ้าวอู่เจียงเลิกคิ้วขึ้นสูง เอื้อมมือไปเพื่อจะตรวจสอบสมุนไพรในหีบไม้
นี่ไม่ถือว่าโลภมากเกินไปหรือ? หวังอวี้ข่ายหัวใจกระตุกอย่างรุนแรง กัดฟันกรอด นำถุงเงินอีกถุงออกมาจากแขนเสื้อ และยัดเข้าไปในมือของขันทีหนุ่มที่กำลังจะเปิดฝาหีบ พูดด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งคุกคาม
“ใต้เท้าจ้าวเป็นคนฉลาดเฉลียว ต้องเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่?”
จ้าวอู่เจียงยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ขอข้าตรวจสอบดูแค่หีบเดียวเท่านั้น! อีกอย่าง ข้าไม่รู้เลยว่าเมื่อผ่านประตูวังหลวงเข้าไปแล้ว จะมีผู้ใดเฝ้าดูอยู่หรือไม่”
หวังอวี้ข่ายหรี่ตา จ้าวอู่เจียงแตกต่างจากเฉินเจิ้งฮัวจริง ๆ เฉินเจิ้งฮัวเป็นคนที่จะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ตั้งคำถาม ในขณะที่จ้าวอู่เจียงชอบก้าวก่าย ซึ่งสินค้าบางอย่างไม่สมควรถูกพบเห็นโดยคนผู้นี้เป็นอันขาด
แต่หลังจากใช้เวลาไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ หวังอวี้ข่ายก็เปลี่ยนใจในที่สุด ชายชราทำได้เพียงหวังว่าจ้าวอู่เจียงจะไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ดังนั้น จึงสูดหายใจลึก และขยับถอยไปด้านข้าง
จ้าวอู่เจียงค่อย ๆ เปิดฝาหีบไม้ สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นคือใบหม่อนสีเขียวสดจำนวนหนึ่ง
แล้วหัวใจของชายหนุ่มก็กระตุกวูบ
เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่สองแขน ภายในหีบไม้เหล่านี้เต็มไปด้วยกู่พิษแห่งโหลวหลาน ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ตนใช้เข็มแหลมดึงออกมาจากศพของเฉินเจิ้งฮัว!
เมื่อตั้งสติได้ ดวงตาของขันทีหนุ่มก็เป็นประกายแวววาว ก่อนจะใช้นิ้วโป้งสัมผัสใบหม่อนใบหนึ่ง เมื่อปลายนิ้วกลายเป็นสีเขียวเล็กน้อย เขาก็ยกมือขึ้นมาสูดดม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า