บทที่ 294 จิตสังหารแรงกล้า เจอหน้ากันอีกครั้ง
รถม้าคันนั้นตรงไปที่วังหลวงอย่างช้า ๆ
กลุ่มคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณประตูเมืองฝั่งทิศใต้ ผู้คนต่างพากันพูดคุยและชี้มือไปยังร่างของพ่อค้าขายผลไม้ที่นอนจมกองเลือด
พ่อค้าท่านนี้ถูกหักคอตายเพราะไปมีเรื่องกับคุณชายผู้หนึ่งเข้า
บรรดาถังหูลู่ที่เคยวางเรียงรายอยู่บนแผงหล่นกระจายเต็มพื้นดิน เด็กน้อยคนหนึ่งพยายามจะวิ่งไปหยิบกิน แต่ก็ถูกผู้เป็นมารดาจับตัวเอาไว้และดุอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นความแตกตื่นตกใจที่ผิดปกติเช่นนี้ กลุ่มเวรยามจึงรีบเข้ามาดูและควบคุมสถานการณ์
หิมะตกลงมาหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกเกร็ดหิมะมีขนาดเพียงปลายนิ้วมือ แต่ขณะนี้พวกกลับใหญ่ขึ้นจนไม่ต่างจากขนห่านโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
รถม้าคันหนึ่งหยุดลงหน้าประตูวังหลวง แล้วชายฉกรรจ์ผู้สง่างามก้าวลงมาจากรถม้า ราชองครักษ์ประจำการอยู่หน้าวังหลวงจำชายผู้นี้ได้ทันที ดังนั้นเขาจึงรีบโค้งตัวลงคำนับ
“ฝ่าบาท”
ชายฉกรรจ์พยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปอย่างสบายใจ เข้าสู่ด้านในอาณาเขตของวังหลวง ราชองครักษ์ผู้เฝ้าหน้าประตูไม่กล้าทำสิ่งใด พวกเขาเพียงหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้แก่เหล่าเวรยามบนกำแพงวัง หลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะเกราะไม้ส่งสัญญาณลอยไปตามสายลมท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา
ถนนในวังหลวงลึกล้ำ ชายฉกรรจ์เดินไปอย่างไม่รีบร้อน ราวกับต้องการจะชื่นชมทัศนียภาพรอบข้างให้ชื่นใจ
บัดนี้สิ่งปลูกสร้างสองข้างทางที่มีความสวยงามราวกับภาพวาดสุดวิจิตรถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน ไม่มีนางกำนัลหรือขันทีปรากฏตัวขึ้นมาแม้แต่คนเดียว แต่ชายฉกรรจ์ก็ไม่ได้สนใจความผิดปกติเหล่านี้เลย
ชายฉกรรจ์ผู้นี้ย่อมต้องเป็นเซวียนหยวนอวี้เหิง ถึงจะยังไม่บรรลุสู่ขอบเขตเทวะ แต่บัดนี้ก็แทบจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินแล้ว
ชายเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวปลิวไสวไปตามแรงลม เซวียนหยวนอวี้เหิงดูคล้ายภาพมายาที่พร้อมจะละลายไปในสายลมและม่านหิมะได้ทุกเมื่อ เขากำลังก้าวเดินตรงไปที่ตำหนักหย่างซินด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นและมั่นคง
เมื่อมาถึง เซวียนหยวนอวี้เหิงก็ได้เจอกับใครคนหนึ่งหน้าตำหนักหย่างซิน
คนคนนี้เป็นบุรุษหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีดำ
เขาบุรุษหนุ่มผู้นี้มีคิ้วเข้ม ดวงตาเป็นประกายงดงาม เส้นผมสีดำขลับปลิวไสวตามสายลม มีรัศมีความอ่อนโยนทว่าแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง บุรุษผู้นี้ทำให้เซวียนหยวนอวี้เหิงรู้สึกรังเกียจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เซวียนหยวนอวี้เหิงเองก็เคยมีรัศมีเช่นบุรุษผู้นี้ แต่มันก็ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว
ในเมื่อเขาไม่มีรัศมีแบบนี้อีกแล้ว บุรุษคนนี้ก็ต้องไม่มีเหมือนกัน!
“ฝ่าบาท” บุรุษหนุ่มร้องเรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับไม่ได้ค้อมศีรษะหรือประสานมือทำความเคารพแต่อย่างใด
เซวียนหยวนอวี้เหิงจ้องมองจ้าวอู่เจียงด้วยความรู้สึกอึดอัดและขัดใจ เขาไขว้มือไปทางด้านหลัง ก่อนจะเดินผ่านไปผลักเปิดประตูตำหนักหย่างซิน
สายลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมของจ้าวอู่เจียงปลิวไหว แววตาของเขายังคงเป็นประกายอ่อนโยน แต่ลมปราณในร่างกายเริ่มโคจรบ้างแล้ว



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า