บทที่ 309 นางเป็นเพียงน้องสาวของข้า
จ้าวอู่เจียงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาก้มศีรษะทำความเคารพต่อป้ายวิญญาณของมารดาหลี่หยวนเจิ่ง
ชายหนุ่มจุดธูปทำความเคารพ ก่อนจะปักธูปลงไปในกระถางพร้อมกับพึมพำบอกให้วิญญาณของหญิงชราได้ไปสู่สุคติอย่างสบายใจ
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา
ตอนก่อตั้งสำนักไร้ขอบเขต เขาก็บอกให้หลี่หยวนเจิ่งพาน้องสาวมาอยู่ที่สำนักด้วยกันเพื่อจะได้มีคนช่วยดูแล
ทว่าหลี่หยวนเจิ่งปฏิเสธด้วยความเกรงใจ และจ้าวอู่เจียงก็รู้ถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายปฏิเสธ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วขนาดนี้
“ไปกันเถอะ นับจากนี้ไปเจ้าจะไปอยู่ในสำนักไร้ขอบเขต คนของสำนักเราจะปกป้องเจ้าเอง” จ้าวอู่เจียงยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นขณะกล่าวกับหลี่ชานซี
หญิงสาวรับคำในลำคอและมองหน้าจ้าวอู่เจียงด้วยดวงตารื้นน้ำ พร้อมพูดเสียงอ่อนว่า
“ท่านคือจ้าวอู่เจียงจริง ๆ หรือ?”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้าและยิ้มกว้าง
“เจ้าไม่แน่ใจ แต่เจ้ายังกล้าเข้ามากอดข้าหรือ?”
“ข้าน้อย….” หลี่ชานซีรู้สึกเขินอายขึ้นมา ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงระเรื่อ คำพูดเปลี่ยนเป็นตะกุกตะกัก
“เพียงแต่ว่า… ท่านแตกต่างไปจากภาพวาดเล็กน้อย… ท่านดูหล่อเหลา… มากกว่าในภาพวาด”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
…
บนรถม้า หลี่ชานซีแอบชำเลืองมองบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นั่งอยู่ข้างกายหลายครั้ง ตัวจริงของบุรุษที่นางเคารพและหลงรักนั้นหล่อเหลายิ่งกว่าในภาพวาดหลายเท่านัก
เขาสง่างามสมคำเล่าลือจริง ๆ
แต่เมื่อหลี่ชานซีหันกลับมาสำรวจสภาพของตนเองที่สวมเสื้อผ้าเก่าขาดและมีร่างกายผอมแห้ง นางก็อดผิดหวังในตัวเองไม่ได้ บุรุษรูปงามอย่างจ้าวอู่เจียงคงจะมีสาวงามห้อมล้อมรอบกาย เขาจะมาสนใจหญิงสาวหน้าตาธรรมดาอย่างนางได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะพี่ชายของนางเป็นสหายรักของจ้าวอู่เจียง เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางเหลือบแลนางแม้แต่น้อย
“ถึงแล้วขอรับท่านเจ้าสำนัก” บัดนี้รถม้าหยุดลงแล้ว
จ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาจับแขนของหลี่ชานซี จากนั้นก็เปิดผ้าม่าน เดินลงไป


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า