บทที่ 340 ชีวิตและความตาย ชื่อเสียงและเงินทอง (10)
ต้นไม้ใบหญ้าไหวเอนไปตามสายลม
สองร่างเผชิญหน้ากัน
เป่ยจิ้งเฉิงผู้แต่งกายด้วยชุดสีดำมีเลือดไหลทะลักออกปากและจมูก ร่างไร้ลมหายใจนอนจมอยู่ในกองเลือด ห่างออกไปไม่ไกลเป็นร่างที่ยืนหลับตาและไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ ของจ้าวอู่เจียง แต่ลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นรุนแรงเกรี้ยวกราดนัก
ในขณะนี้ มวลพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบบริเวณต่างก็ถูกดูดเข้ามาในร่างกายของจ้าวอู่เจียงจนเป็นหนึ่งเดียว
ชายหนุ่มซึ่งยืนหลับตายกมือขึ้น แล้วร่างที่ไร้วิญญาณของเป่ยจิ้งเฉิงก็ลอยเข้ามาในมือของเขา จ้าวอู่เจียงบีบคอศพด้วยมือข้างเดียว
แม้ว่าวิญญาณของเป่ยจิ้งเฉิงจะดับสิ้นไปแล้ว แต่กายเนื้อของเป่ยจิ้งเฉิงยังไม่เสียชีวิตซะทีเดียว เนื่องจากในร่างกายยังคงมีลมปราณไหลเวียนตกค้าง ดังนั้นร่างกายจึงยังทำงานอยู่
จ้าวอู่เจียงจึงใช้วิชามหาเทพดูดดาวดูดพลังเหล่านั้นมาเป็นของตนเอง
แล้วชายหนุ่มก็เลื่อนขั้นพลังได้อย่างรวดเร็ว
เขาบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูงระดับสาม ปรมาจารย์ขั้นสูงระดับสี่…
จ้าวอู่เจียงหลอมรวมพลังราวกับเป็นคนหิวโหย
หากเขาดูดพลังต่อไปเรื่อย ๆ พลังที่อยู่ในศพของเป่ยจิ้งเฉิงก็เพียงพอที่จะทำให้จ้าวอู่เจียงบรรลุไปถึงขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูงระดับแปดได้ไม่ยาก เนื่องจากเป่ยจิ้งเฉิงมีพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ระดับสูงขั้นที่เก้า
แต่อย่างไรก็ตาม จ้าวอู่เจียงไม่อยากให้ร่างกายต้องเผชิญกับภาวะเลื่อนขอบเขตพลังเร็วมากเกินไป เขาจึงเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
หลังผ่านไปเก้าลมหายใจ บรรยากาศรอบกายที่ปั่นป่วนก็เงียบสงบลง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
จ้าวอู่เจียงลืมตาขึ้น บัดนี้ตาดำและตาขาวของเขาเป็นประกายแวววาว
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาว ๆ
การเดินทางมายังสำนักศรัทธาราษฎรในครั้งนี้นับว่าเขาได้ประโยชน์มากมายจริง ๆ
นอกจากจะได้เรียนรู้วิชาสองผสาน เช่นเดียวกับอีกหลากหลายวิชาในคัมภีร์ปรสูตรของสำนักเต๋า
เขาก็ยังได้ครอบครองปราณกระบี่ของเป่ยจิ้งเฉิง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง จ้าวอู่เจียงรู้สึกมั่นใจมากว่าในขณะนี้เขาไม่ต้องกลัวผู้ใดอีกแล้ว
อีกทั้งพลังวิญญาณของเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมนัก ซึ่งหมายความว่าเขาจะสามารถฝึกฝนบรรดาวิชาวิญญาณของสำนักเต๋าได้แล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า