บทที่ 383 ต่อให้ตำแหน่งต่ำต้อยก็ไม่กล้าลืมเลือนแคว้น
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงหาทางกระชากเงินออกมาจากกระเป๋าของเหล่าขุนนางทั้งหลาย พวกของจ้าวอู่เจียงปรึกษาเรื่องนี้กันระหว่างเดินพูดคุยกันเกี่ยวกับกิจการและสถานการณ์ทางการเมือง
และก็เป็นไปตามคาด มีขุนนางเดินตามมาข้างหลังเป็นขบวน ทั้งยังกำลังแอบฟังอยู่เงียบ ๆ ทำให้การสนทนาเริ่มเข้มข้นมากขึ้นทุกที จ้าวอู่เจียงพูดเปิดช่องให้ขุนนางที่เดินอยู่ข้าง ๆ เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงวันนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการรวมตัวขุนนางน้อยใหญ่ให้ได้มากที่สุด
หลังจากดื่มสุราและรับประทานอาหารไปพักใหญ่ ความเมามายก็ทำให้ผู้คนขาดสติสัมปชัญญะ ขุนนางทั้งหลายกล้าพูดจาอย่างเป็นอิสระ
ในเวลานี้เองที่จำเป็นต้องมีใครสักคนหนึ่งลุกขึ้นมาชี้นำสถานการณ์
หลิวเจ๋อได้รับบทบาทให้เป็น ‘ผู้ชักนำ’ คนแรก ตามด้วยตู๋กูอี้เหอและหลินหรู่ไห่
เมื่อขุนนางคนอื่น ๆ เห็นว่าคนใหญ่คนโตเช่นพวกเขาบริจาคเงิน ขุนนางเหล่านั้นก็ต้องอยากบริจาคตามเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเพราะรู้สึกตื้นตันใจจริง ๆ หรือจะเป็นเพราะต้องการจะประจบเอาใจขุนนางใหญ่ทั้งสามท่านนั้นก็ตาม
แต่กล่าวโดยสรุปก็คือ กลุ่มขุนนางที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ไม่ต่างไปจากฝูงแกะที่ถูกไล่ต้อน เมื่อบรรยากาศภายในงานเลี้ยงเต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม ยังจะมีผู้ที่อยู่นิ่งเฉยอีกได้อย่างไร?
สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมควักกระเป๋า
แม้บางคนจะไม่อยากควักกระเป๋า แต่สุดท้ายก็ต้องถูกบรรยากาศแห่งความมุ่งมั่นกดทับ เมื่อถึงตาของตนเอง พวกเขาจะสามารถหลบหนีได้อย่างไรอีก? หากพวกเขาไม่บริจาคในบรรยากาศเช่นนี้ มันจะไม่เท่ากับว่าพวกเขาไม่รักแคว้นหรือ?
ถึงในวันนี้จะไม่ใช่การประกาศรับเงินบริจาคเข้าท้องพระคลังอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร
เสนาบดีกรมคลังรีบจดบันทึกอย่างรวดเร็ว เขาเขียนยอดเงินบริจาคด้วยตื่นเต้น ขุนนางเหล่านี้กลัวว่าตนเองจะไม่ถูกยอมรับถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
จ้าวอู่เจียงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ชำเลืองมองไปที่เสนาบดีกรมคลังด้วยความเคารพเลื่อมใส ชายหนุ่มมั่นใจในความโปร่งใสของอีกฝ่าย
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า