บทที่ 4 ปัญหาทั้งภายในและภายนอกของราชวงศ์ต้าเซี่ย
ยามราตรี ดวงดาราปรากฏบนน่านฟ้า
จ้าวอู่เจียงเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ จังหวะที่จะปรึกษาหารือเกี่ยวกับ ‘การรับใช้ฮองเฮา’ กับองค์ฮ่องเต้ต่อ กลับถูกเสียงเคาะประตูห้องบรรทมดังขัดขึ้น
เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะ
จังหวะยาวสามครั้ง จังหวะสั้นสองครั้ง
สัญญาณ?
จ้าวอู่เจียงหันกลับมามองหน้าเซวียนหยวนจิ้ง จึงได้เห็นองค์ฮองเต้รีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที
จ้าวอู่เจียงเข้าใจในทันใดว่านี่คงจะเป็นสัญญาณลับบางอย่างจากนอกประตู หรือว่าจะมีขุนนางขอเข้าเฝ้าในยามวิกาลเช่นนี้?
จ้าวอู่เจียงไอออกมาเบา ๆ “งั้นกระหม่อมขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง เจ้าห้ามไปไหนทั้งนั้น เจ้าต้องอยู่ที่นี่”
“แต่ว่า…”
เซวียนหยวนจิ้งเดินไปนั่งบนเก้าอี้มังกร “เข้ามาได้”
ประตูถูกผลักออก เทียนไขที่ถูกจุดภายในห้องสาดแสงสว่างออกไปสู่ความมืดมิดด้านนอก
ภายใต้เงามืด ปรากฏร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมสีฟ้าเข้มเดินเข้ามาด้วยท่วงท่ามีสง่าราศี คนผู้นี้เดินเข้ามาคุกเข่าลงข้างหนึ่งเบื้องหน้าเซวียนหยวนจิ้ง ดวงตาหลังหน้ากากสีฟ้าครามไม่เหลือบแลไปยังทิศทางใด น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ
“กระหม่อมเจี๋ยสือจิ่วรับพระราชโองการให้ไปสืบสวนเรื่องราวทางชายแดนเหนือ กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
“ลุกขึ้นเถอะ” เซวียนหยวนจิ้งจ้องมองด้วยสายตาอบอุ่น
จ้าวอู่เจียงถูนิ้ว หรี่ตาลงเล็กน้อย ชายสวมหน้ากากผู้นี้มีนามว่าเจี๋ยสือจิ่ว ท่าทางจะไม่ใช่คนธรรมดา
ชายหนุ่มเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาทันทีว่า หากตนทำตัวผิดปกติเพียงนิด เขาคงถูกชายสวมหน้ากากฆ่าตายอย่างแน่นอน
แม้จะอยู่ห่าง ๆ ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจ ความแม่นยำและความชำนาญด้านการต่อสู้จากคนผู้นี้
จ้าวอู่เจียงเข้าใจโลกนี้เป็นอย่างดี ในทุกดินแดนต่างต้องเลี้ยงดูบรรดายอดฝีมือเอาไว้ใช้งาน และยอดฝีมือเหล่านั้นก็สามารถบดขยี้คนธรรมดาได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากมดปลวกตัวหนึ่ง
เจี๋ยสือจิ่วลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ได้รายงานโดยทันที หันมาจ้องมองจ้าวอู่เจียงนิ่ง แววตาคมดั่งใบมีด ผู้ถูกจ้องมองรู้สึกได้ถึงความอำมหิตพานให้เสียวสันหลัง เจี๋ยสือจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุร้าย
“เจ้าขันทีน้อย ทำไมถึงยังไม่ออกไปอีก? สิ่งที่ข้ากำลังจะรายงานต่อฝ่าบาท เจ้าคู่ควรที่จะอยู่รับฟังด้วยหรือ?”
“เอ่อ?”
จ้าวอู่เจียงหัวเราะออกมา “ท่านยอดฝีมือขอรับ หากเพียงแต่ข้าใช้หนึ่งหมัดเท่านั้น ก็สามารถทำให้ท่านมาคุกเข่าลงตรงหน้าข้าจ้าวอู่เจียงได้แล้ว… ดังนั้นอย่าให้พวกเราต้องปะทะฝีมือกันเองเลย!”
จ้าวอู่เจียงพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง แต่ในความเป็นจริง เขากำลังหาโอกาสหลบหนีอยู่ต่างหาก “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวก่อน!”
เซวียนหยวนจิ้งรีบหยุดขันทีหนุ่มเอาไว้ทันที
“ไม่เป็นไร สือจิ่ว รายงานมาเถอะ”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าใต้หน้ากากของเจี๋ยสือจิ่วกระตุกเล็กน้อย… ฝ่าบาททรงอนุญาตให้ขันทีน้อยผู้นี้อยู่ได้หรือ?
ประหลาดนัก!
“ทูลฝ่าบาท หลังจากกระหม่อมเดินทางไปยังชายแดนเหนือเพื่อทำการสืบสวน ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ช่างน่าประหลาดยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”
เจี๋ยสือจิ่วนำกล่องไม้สีดำขนาดเล็กเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อคลุมสีฟ้าเข้ม ก่อนจะยื่นกล่องไม้นั้นออกมาอย่างช้า ๆ
“คาดว่าแม่ทัพของพวกเราถูกพิษจากกลุ่มผู้รอดชีวิตแห่งโหลวหลานทางแดนใต้ เราพบหนอนพวกนี้จากศพของท่านแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ”
กล่องไม้ถูกเปิดออก ด้านในมีใบไม้สีเขียวรองไว้ แต่สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุดท่ามกลางกลุ่มใบไม้เหล่านั้นก็คือ รอยหยดเลือดสีแดงดำ และในรอยหยดเลือดเหล่านั้น ปรากฏหนอนสีขาวที่มีตาเพียงดวงเดียวกำลังคลานอยู่ภายในอย่างน่าขนลุก
แม้หน้าตาของมันจะดูไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จังหวะที่ฝากล่องถูกเปิดออก จ้าวอู่เจียงผู้มีความชำนาญทางด้านการแพทย์ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านี่หาใช่หนอนธรรมดาไม่ มันคือกู่*[1]ที่อันตรายมากต่างหาก!
เซวียนหยวนจิ้งกำลังจะขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ขันทีน้อยรีบกางมือออกมาห้ามเอาไว้และกล่าวว่า “อย่าเข้าไปใกล้พ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนจิ้งมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจี๋ยสือจิ่ว!”
เจี๋ยสือจิ่วตกตะลึง รีบปิดฝากล่องไม้และล่าถอยออกไปห้าก้าว ชายหนุ่มชำเลืองมององค์ฮ่องเต้ และขันทีน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความหวาดหวั่น ได้แต่แอบสงสัยอยู่ในใจว่าแค่หนอนตัวเดียวจะเป็นอันตรายได้อย่างไร
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่า ขันทีน้อยเห็นอันตรายได้อย่างไร?
ขันทีน้อยคนนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว…
มือของจ้าวอู่เจียงกางออกมากั้นบริเวณหน้าอกของเซวียนหยวนจิ้งพอดี ถึงแม้นางจะใช้สายรัดพันหน้าอกไว้อย่างแนบแน่น แต่นางก็ยังรู้สึกอับอายและโกรธแค้นอยู่ในใจ ได้แต่รีบตีมือของจ้าวอู่เจียงออกไปให้ห่างตัว
ถึงจะมัดไว้แน่นเพียงใด แต่หน้าอกก็คือหน้าอกอยู่วันยันค่ำไม่ใช่หรือ?
จ้าวอู่เจียงลองขยับนิ้วคำนวณขนาดหน้าอกอยู่ในใจ จังหวะนั้นก็เห็นเซวียนหยวนจิ้งหันมามองหน้าพอดี ฮ่องเต้มองเขาด้วยแววตาดุดัน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“กลุ่มผู้รอดชีวิตแห่งโหลวหลานอยู่ทางตอนใต้ของเขตชายแดนแคว้นต้าเซี่ย ว่าแต่พวกเขาใช้พิษสังหารแม่ทัพจ้าว หรือร่วมมือกับคนเถื่อนนอกชายแดนเหนือ? แต่หากร่วมมือพวกเขามาร่วมมือกันได้อย่างไร?”
จ้าวอู่เจียงซ่อนสองมือในแขนเสื้อ อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ “อาจไม่ใช่การร่วมมือก็ได้พ่ะย่ะค่ะ นี่อาจเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อตั้งใจนั่งภูดูเสือกัดกัน*[2] ส่วนตนเองก็รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เท่านั้น!”
เจี๋ยสือจิ่วได้ยินการแสดงความคิดเห็นของขันทีน้อยก็รีบตำหนิทันที “ขันทีเช่นเจ้าจะไปรู้เรื่องการบ้านการเมืองได้อย่างไร? เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงได้แสดงความคิดเห็นโง่เขลาออกมาเช่นนี้?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า