บทที่ 40 เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบเสมอ
หน้าประตูกรมพิธีการ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กรมพิธีการได้ร่วมมือกับกรมการคลังและกรมธรรมการ ในการจัดเตรียมพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้กับองค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นเจ้าหน้าที่จากทั้งสามกรมเดินเข้าออกสถานที่แห่งนี้ด้วยความรีบร้อนกันอยู่ตลอดเวลา
ในขณะนี้ หลิ่วว่านซานขุนนางคนสำคัญของกรมการคลังได้รับการแจ้งว่า หลานชายสุดที่รักมาขอเข้าพบ
เมื่อเดินออกไปหาหน้าประตูกรม หลิ่วว่านซานก็เห็นหลิ่วหมางหลานของตนได้ในทันที แล้วหัวคิ้วของชายวัยกลางคนก็ต้องกระตุก เมื่อพบว่า หลิ่วหมางมีใบหน้าบวมช้ำ จมูกบวมปูด เห็นได้ชัดว่าถูก ‘รังแก’
ผู้ใดกันกล้ารังแกหลานชายของหลิ่วว่านซาน! ชายวัยกลางคนรีบเดินเข้าไปหาหลิ่วหมางด้วยความห่วงใย ถึงแม้หลิ่วหมางจะเป็นเพียงหลานชาย แต่ด้วยความที่หลิ่วว่านซานมีอายุได้สี่สิบปีเศษแล้ว และยังไม่มีบุตร เขาจึงปฏิบัติกับหลิ่วหมางไม่ต่างไปจากบุตรชายของตน
“ท่านลุง!”
เมื่อหลิ่วหมางเห็นหน้าหลิ่วว่านซาน น้ำตาก็ไหลพรากไม่ต่างจากเด็กน้อย
“ท่านลุงต้องทวงคืนความยุติธรรมให้หมางเอ๋อร์ด้วย”
หลิ่วว่านซานผู้เป็นขุนนางใหญ่ในกรมการคลังขมวดคิ้วทันที
“เกิดอะไรขึ้น? หมางเอ๋อร์ ค่อย ๆ พูดออกมา”
หลิ่วหมางยกมือปาดน้ำตา
“วันนี้หมางเอ๋อร์ไปเดินเล่นที่ท่าเรือ ได้พบกับมือกระบี่ผู้หนึ่งตั้งใจจะขายกระบี่เพื่อหาเงินไปฝังศพมารดา หมางเอ๋อร์ต้องการจะซื้อกระบี่ช่วยเหลือเขา แต่ก็มีคนชั่วร้ายผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน มันอยากได้กระบี่เล่มนั้นโดยไม่ต้องจ่ายเงิน หมางเอ๋อร์เข้าไปขัดขวางมัน มันก็เลยรังแกหมางเอ๋อร์ต่อหน้าผู้คน ข้ารับใช้ของมันผู้นั้น ทำให้ข้ารับใช้ของตระกูลหลิ่วได้รับบาดเจ็บไปหลายคนเลยขอรับ”
หลิ่วว่านซานชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์
หลิ่วหมางเพิ่มน้ำมันใส่กองไฟต่อไป
“แล้วมันก็แย่งตั๋วเงินที่หมางเอ๋อร์ต้องการจะนำมามอบให้ท่านลุงไปด้วยขอรับ! นอกจากนี้ มันยังบังคับให้หมางเอ๋อร์เขียนสัญญากู้ยืม บอกว่าหมางเอ๋อร์ยังเป็นหนี้มันอยู่อีกเก้าพันตำลึง! สุดท้าย มันถึงกับขู่อาฆาตว่าถ้าไม่ทำตามที่มันสั่ง มันจะขับไล่ตระกูลหลิ่วออกไปจากนครหลวงขอรับ!”
“มันเป็นใคร!” หลิ่วว่านซานระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น บรรดาขุนนางชั้นผู้น้อยโดยรอบต่างก็ถอยหนีไปด้วยความหวาดกลัว นั่นเป็นเพราะทุกคนทราบดีว่า ยามขุนนางหลิ่วว่านซานแห่งกรมการคลังโมโหนั้น น่ากลัวมากเพียงใด
“มันผู้นั้นมีนามว่าจ้าวอู่เจียง”
เสียงอันทรงพลังของใครคนหนึ่งดังขึ้นตอบคำถามของหลิ่วว่านซาน
ในขณะนี้ จ้าวอู่เจียงเดินตามการนำทางของขันทีน้อยมาจนถึงหน้าประตูกรมพิธีการ เขาก็เห็นหลิ่วหมาง ซึ่งเพิ่งจะถูกตนสั่งสอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน และเมื่อได้ยินเสียงร้องคำรามของหลิ่วว่านซาน เขาจึงตอบคำถามอย่างอารมณ์ดี
“ใช่แล้วขอรับท่านลุง มันผู้นั้นมีนามว่าจ้าวอู่เจียง!”
หลิ่วหมางหันไปมองหน้าคนที่ตอบคำถามแทนตน เขาก็พบว่าคนผู้นั้นดูคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างประหลาด ก่อนจะจดจำได้ว่าคนผู้นั้นแหละคือ จ้าวอู่เจียง
หลิ่วหมางรีบกระตุกแขนเสื้อของหลิ่วว่านซานผู้เป็นลุง แล้วพูดด้วยความร้อนรนใจ
“ท่านลุงขอรับ เป็นมันผู้นี้แหละ ส่งคนไปจัดการมันเดี๋ยวนี้เลย!”
หลิ่วว่านซานยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของจ้าวอู่เจียงประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกโตด้วยความเหลือเชื่อ
จ้าวอู่เจียงมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าขันที ทั้งยังเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ อีกทั้งในพิธีการเลือกคู่ขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ จ้าวอู่เจียงก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิชิตใจองค์หญิงได้สำเร็จ หลิ่วว่านซานได้ยินข่าวลือว่า แม้แต่ตอนที่ตระกูลตู๋กูจัดงานเลี้ยงส่วนตัว ตู๋กูอี้เหอผู้เป็นประมุขตระกูลก็ยังมานั่งดื่มสุรากับจ้าวอู่เจียงอย่างเป็นกันเองด้วยซ้ำ
สำหรับบุคคลเช่นนี้ หลิ่วว่านซานไม่มีทางล่วงเกินได้เป็นอันขาด
“หมางเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า