บทที่ 42 หลังอภิเษก ข้าแอบมาหาเจ้าได้หรือไม่?
ถ้าเป็นเจ้าก็ไม่เป็นไร
นั่นคือคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และแทบจะเป็นคำสารภาพรักจากองค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ จ้าวอู่เจียงยิ้มอย่างอบอุ่น ยกมือขึ้นจิ้มปลายจมูกขององค์หญิงอวี้เซวียนอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี กระหม่อมจะตรวจพระวรกายของพระองค์ บัดนี้มีสัญญาณว่าพระองค์กำลังถูกพิษ”
“แต่ข้ารู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เจอเจ้า”
องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่อดที่จะกัดริมฝีปากไม่ได้ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวอู่เจียง พานนึกถึงเมื่อครั้งแรกพบกัน
ตอนนั้นนางเปิดม่านรถม้าขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความวุ่นวายนอกหน้าต่าง นางก็ได้เห็นจ้าวอู่เจียงผู้อยู่ในรถม้าฝั่งตรงข้ามกำลังจ้องมองมาพอดี ดวงตาเย็นชาลึกล้ำของเขาดึงดูดความสนใจของนางได้โดยทันที
แต่เมื่อนางเป็นเสียงทักทายออกไปว่า ‘สวัสดี’ จ้าวอู่เจียงก็ผลุบศีรษะหายกลับเข้าไปในรถม้า และนั่นก็คือครั้งแรกที่พวกเราได้พบกัน
เมื่อนางได้พบกับจ้าวอู่เจียงครั้งที่สอง นั่นคือตอนที่อวี้เซวียนไม่ต้องการถูกกักตัวอยู่ในเรือนรับรองของกรมพิธีการ นางจึงหลบหนีออกไป จนกระทั่งได้พบกับคนผู้นี้อีกครั้ง
นางกับเขาพูดคุยกันอย่างถูกคอ มีความทรงจำแสนสนุกสนานร่วมกัน
หลังการร่ำลากันยามพระอาทิตย์ตกดิน ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในพิธีเลือกคู่ ณ หอผิงคัง ไม่มีบุรุษหนุ่มผู้ใดสามารถพิชิตใจนาง องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ได้เลย จนกระทั่งจ้าวอู่เจียงก้าวเข้ามา โลกทั้งใบของนางก็กลับมาสว่างสดใสดังเดิม
แต่เมื่อภารกิจหาคู่ล้มเหลว อวี้เซวียนก็ถูกกักตัวอยู่ในหอผิงคัง รอเวลาที่จะต้องแต่งงานกับฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าเซี่ย แต่ในหัวใจของนางกลับเห็นแต่ภาพของจ้าวอู่เจียงเพียงผู้เดียว
นางคิดถึงเขาไม่ต่างจากแผ่นดินแห้งแล้งคิดถึงความชุ่มฉ่ำของสายฝน
และนี่ก็เป็นการพบหน้ากันครั้งที่สี่ จ้าวอู่เจียงยืนอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาเป็นประกายสดใส หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือของจ้าวอู่เจียงที่กำลังเริ่มปลดเสื้อของนางออกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“จ้าวอู่เจียง หลังจากนี้ เจ้ามาหาข้าบ่อย ๆ ได้หรือไม่?”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้ารับคำแต่โดยดี “นั่นคือหน้าที่ของกระหม่อมเช่นกัน ถึงแม้ว่าร่างกายของกระหม่อมจะพิการ แต่กระหม่อมก็มีจิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผา”
ร่างกายพิการแต่จิตใจแข็งแกร่ง ใช่แล้ว ถ้าจ้าวอู่เจียงเป็นบุรุษเต็มตัว มันจะประเสริฐเพียงใดกันนะ
องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย จ้าวอู่เจียงพูดขึ้นอีกครั้ง “กระหม่อมจะมาหาพระองค์ทุกครั้งที่มีเวลาพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์หญิงอวี้เซวียนก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่ความหมองเศร้าบนใบหน้าก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
จ้าวอู่เจียงทำการแก้สายรัดและปลดเสื้อคลุมตัวนอกขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นในซึ่งทำจากผ้าไหม เมื่อทำการถอดเสื้อชั้นในออก จึงได้พบกับเอี๊ยมสีชมพูขาวเป็นชั้นสุดท้าย
ชายหนุ่มพบว่ารอยเส้นสีเขียวอมเทาขนาดเท่ากับข้อนิ้วมือนั้น ได้ลุกลามจากบริเวณแขนซ้ายมาจนถึงบริเวณหัวใจ ซึ่งอยู่ใต้เอี๊ยมพอดี
“กระหม่อมจำเป็นต้องตรวจดูด้านในพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวอู่เจียงเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาองค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่
เวลาต่อมา องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่กำลังนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าท่อนบนถูกถอดออกทั้งหมด ใบหน้าและดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เมื่อได้ยินคำพูดของขันทีหนุ่ม องค์หญิงอวี้เซวียนก็ยื่นแขนมาคล้องคอของจ้าวอู่เจียง พูดด้วยความเศร้าใจ
“หากว่าท่านไม่ได้เป็นขันที…”
ชายหนุ่มมองออกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ และเขาก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าใจในน้ำเสียงขององค์หญิงอวี้เซวียน จึงยิ้มพลางตอบกลับไปว่า

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า