บทที่ 43 ความซาบซึ้งใจของท่านเสนาบดี
นั่นถือเป็นตำแหน่งที่อันตรายอย่างยิ่ง บริเวณส่วนปลายของรอยเส้นมีลักษณะเป็นสีเขียวอ่อน หากจ้าวอู่เจียงไม่ค้นพบมัน เกรงว่าพิษร้ายคงแล่นเข้าสู่หัวใจขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ โดยไม่มีผู้ใดทันล่วงรู้แล้ว
ชายหนุ่มหมุนข้อมือซ้าย แล้วเข็มเงินสองเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือ พลันใช้เข็มแหลมนั้นทิ่มลงไปบริเวณส่วนปลายของรอยเส้นที่อยู่ใกล้กับหัวใจ
“ฮื่อ”
องค์หญิงอวี้เซวียนอดส่งเสียงร้องครางออกมาไม่ได้เมื่อสัมผัสถึงความเจ็บปวด บางทีอาจเป็นเพราะว่านางมีเสน่ห์มากเกินไป เสียงครางของนางจึงฟังดูกระเส่าเสียวซ่านเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวอู่เจียงกำลังทำการสกัดพิษไม่ให้แล่นเข้าถึงหัวใจ มิเช่นนั้น หากพิษร้ายได้เข้าสู่หัวใจ องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ก็อาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
มือของชายหนุ่มยังคงหมุนวนไม่รู้จบ เข็มเงินปรากฏขึ้นในมือของเขา และปักลงไปบนหน้าอกขององค์หญิงอวี้เซวียน เว้นช่วงทุกระยะสองชุ่น จนกระทั่งขบวนเข็มแหลมเรียงยาวจรดข้อศอกซ้ายของนาง แม้ว่าจ้าวอู่เจียงจะถอนหายใจออกมาช้า ๆ ด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าก็ยังคงมีความวิตกกังวลอยู่ดี
เพราะเขาได้พบว่านี่ไม่ใช่พิษธรรมดา แต่มันเหมือนกับพิษของกู่พิษจากพวกโหลวหลาน กู่พิษที่สามารถควบคุมจิตใจคน และกลืนกินเลือดเนื้ออย่างเชื่องช้า
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามถูกพิษชนิดนี้แฝงตัวอยู่ในร่าง เมื่อมันเข้าสู่หัวใจ เพียงไม่นานผู้คนเหล่านั้นก็จะอ่อนแอและตายไปเอง ทำให้ไม่มีผู้ใดทราบว่าผู้ตายถูกพิษอะไร จึงเป็นเรื่องยากที่จะค้นพบความจริง
ดวงตาอันงดงามขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ขณะนี้เต็มไปด้วยภาพสะท้อนสีหน้าเคร่งขรึมของจ้าวอู่เจียง
นางยิ่งเม้มริมฝีปากแน่น ลมหายใจร้อนอุ่นของขันทีหนุ่มยังคงเป่ารดคลอเคลีย ร่างกายฝั่งซ้ายไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป แต่นางก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังปั่นป่วนที่เคลื่อนผ่านไม่ต่างจากความปั่นป่วนในจิตใจของนางเอง
จ้าวอู่เจียงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก และกล่าวว่า
“อดทนหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนี้ อาจจะเจ็บสักหน่อย”
ไม่นาน เขาก็เริ่มทำการดึงเข็มออกทีละเล่ม
เมื่อเข็มแหลมถูกดึงออกไป ความรู้สึกชาก็ค่อย ๆ จางหาย ร่างกายฝั่งซ้ายขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่เริ่มกลับมามีความรู้สึก และในเวลาเดียวกันนี้ พิษร้ายที่อยู่ในร่างกายของนางก็จะถูกดูดออกไปอยู่ในตัวเข็มเงินเหล่านั้นแล้ว
จ้าวอู่เจียงสูดหายใจลึก ใบหน้าของเขาซีดขาว จนกระทั่งถึงเข็มเล่มสุดท้ายบริเวณข้อศอกขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ เมื่อเขาหมุนเข็มและดึงมันขึ้นมา โลหิตสีม่วงก็ทะลักออกมาจากรูฝังเข็มนั้นทันที
“โอ๊ย!”
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั้งกาย องค์หญิงอวี้เซวียนก็ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป จ้าวอู่เจียงรีบสวมกอดร่างบอบบาง และนางเองก็โอบกอดแผ่นหลังกำยำของจ้าวอู่เจียงแนบแน่นเช่นเดียวกัน
…
เวลาเดียวกันนั้น ณ มุมหนึ่งของกรมพิธีการ บรรดาขุนนางชั้นผู้น้อยต่างรีบเร่งทำงานตามหน้าที่ของตนเอง พลันก็มีขุนนางผู้หนึ่งเดินซวนเซก่อนจะล้มลงไปบนพื้น
เขายกมือขึ้นกุมหัวใจ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด พลางจ้องมองไปยังทิศทางที่ตั้งของหอผิงคัง ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ด้วยความไม่อยากเชื่อ ริมฝีปากสั่นระริก ได้แต่พึมพำออกมา
“มีหมอคนใดสามารถถอนพิษที่ข้าใส่ไปในตัวองค์หญิงได้ด้วยหรือ? ในเมื่อเจ้ากล้าทำลายแผนการของพวกเรา ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป!”
…
ในหอผิงคัง อวี้เซวียนส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด เรือนร่างอันงดงามค่อย ๆ แน่นิ่งไป
นางหมดสติไปแล้ว จ้าวอู่เจียงจึงทำการสวมใส่เสื้อผ้ากลับคืน และนำผ้าห่มมาคลุมกายให้ จากนั้นจึงนำผ้าไหมเนื้อดีมาซับพิษที่ไหลทะลักออกมา
“องค์หญิง!”
ได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นหน้าประตู แล้วท่านเสนาบดีก็เปิดประตูเข้ามาในที่สุด

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า