บทที่ 44 คำสั่งจากฮ่องเต้
“ข้าจะสืบหาตัวคนปล่อยพิษให้ได้!”
หากข้ารู้เมื่อไหร่ว่าผู้ใดเป็นคนปล่อยพิษล่ะก็…ใบหน้าของท่านเสนาบดีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
แม้ว่าจ้าวอู่เจียงจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่หลี่เฉินซวีก็รู้ดีว่า ควรเริ่มสืบจากเรื่องอาหารเป็นลำดับแรก นั่นหมายความว่าผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องแฝงตัวอยู่กับหนึ่งในสามกรมอย่างแน่นอน
ท่านเสนาบดีจ้องมองไปที่ใบหน้าซีดขาวของจ้าวอู่เจียง ก่อนจะกล่าวด้วยความเป็นกังวล “ว่าแต่น้องจ้าว ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร” จ้าวอู่เจียงโบกมือ
“ครอบครัวของข้ามีสมุนไพรล้ำค่าเก็บเอาไว้มากมาย ข้าจะให้คนส่งไปให้ท่านทันที” หลี่เฉินซวีเลิกคิ้วขึ้นมาช้า ๆ กลัวว่าจ้าวอู่เจียงจะปฏิเสธจึงต้องกล่าวเสริม
“รับไว้เถอะ น้องจ้าว อย่าได้ปฏิเสธเลย!”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้า
หลี่เฉินซวีพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า
“น้องจ้าวกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องราวต่อจากนี้ ข้าจะจัดการเอง”
จ้าวอู่เจียงจ้องมองกลับไปที่องค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่ซึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก่อนจะก้าวออกไปพร้อมกับหลี่เฉินซวี
ตลอดทาง ท่านเสนาบดีกรมพิธีการพูดคุยหยอกล้อกับจ้าวอู่เจียง โดยแสดงออกให้เห็นถึงท่าทีอ่อนน้อมที่มีต่อขันทีหนุ่มอย่างชัดเจน
เส้นทางเดินในตึกทำการของกรมพิธีการมีเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น้อย ทุกคนต่างแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้พบเห็น
หลี่เฉินซวีผู้เป็นหนึ่งในเก้าเสนาบดีใหญ่ ผู้เป็นถึงขุนนางระดับสาม เหตุใดจึงได้เกรงอกเกรงใจหัวหน้าขันทีถึงเพียงนั้น?
แม้แต่เสนาบดีกรมคลังกับเสนาบดีกรมธรรมการ ขุนนางระดับสามด้วยกัน หลี่เฉินซวีก็ยังไม่เคยแสดงความอ่อนน้อมและเป็นกันเองออกมาถึงเพียงนี้เลย
หลี่เฉินซวีเดินออกมาส่งจ้าวอู่เจียงถึงหน้าประตูกรมพิธีการด้วยตนเอง
“น้องจ้าว ข้ามาส่งท่านได้เพียงเท่านี้” ท่านเสนาบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
จ้าวอู่เจียงประสานมือคำนับกลับไป
“พี่หลี่กลับไปทำงานเถอะ เรื่องนี้เราจะชักช้าไม่ได้”
หลี่เฉินซวีพยักหน้า ประสานมือคำนับตอบ ร่ำลา และเดินกลับเข้าไปจัดการเรื่องราวภายในกรมพิธีการต่อไป
เจ้าหน้าที่กรมพิธีการสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูตัวแข็งทื่อ ท่านเสนาบดีของพวกเขาถึงกับคำนับจ้าวอู่เจียงต่อหน้าผู้อื่น…
เมื่อเห็นจ้าวอู่เจียงกำลังจะก้าวเดินออกไปนอกเขตประตู พวกเขาก็รีบโค้งตัวคำนับ แสดงออกถึงความเคารพสูงสุด
“ผู้ต่ำต้อยขอส่งใต้เท้าจ้าว”
จ้าวอู่เจียงพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องลอยมาตามสายลม แต่เขาไม่ทราบว่าเสียงกรีดร้องนั้นมาจากที่ใด
“พวกเจ้าได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านในกรมพิธีการหรือไม่?”
ขันทีชั้นผู้น้อยสองคนพยักหน้า พลางแจ้ง
“เรียนใต้เท้าจ้าว นั่นเป็นเสียงหลานชายของใต้เท้าหลิ่วจากกรมคลังกำลังถูกสั่งสอนอยู่ขอรับ”
“ใต้เท้าหลิ่วได้ส่งคนไปสืบสวนเรื่องราวที่หลิ่วหมางบอกเล่า และพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น บัดนี้จึงทำการสั่งสอนบทเรียนให้แก่หลานชายของเขาขอรับ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า