บทที่ 428 เราไปเด็ดบุปผากันดีหรือไม่?
จ้าวอู่เจียงพยักหน้าเล็กน้อย ค่อย ๆ ปรับท่าทาง ลุกขึ้นมานั่ง เขารู้สึกสงสัยในใจ ทำไมซงจางถึงทำตัวลึกลับแบบนี้ แล้วคำว่าจะพาไปกินอาหารอร่อย ๆ นั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
เมื่อซงจางเห็นว่าจ้าวอู่เจียงพยักหน้ารับคำ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสพลางถูไม้ถูมือด้วยความตื่นเต้น แววตาเป็นประกายคาดหวัง และถึงกับรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเราไปกันเถอะขอรับ ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านที่หอสุราไป๋หยวนในตัวเมืองเรียบร้อยแล้ว”
“พวกเรารับประทานอาหารกันที่จวนของท่านแม่ทัพ หรือไม่ก็ไปทานอาหารร่วมกับพี่น้องทหารในค่ายไม่ดีกว่าหรือ?” จ้าวอู่เจียงถามด้วยความพิศวง ชื่อของหอสุราไป๋หยวนคุ้นหูชอบกล
“แหม น้องจ้าวนี่ละก็ ข้าได้ยินมาจากท่านหมอหลี่ทั้งสองแล้ว ท่านสามารถขับพิษได้อย่างปาฏิหาริย์ ดังนั้นก็สมควรได้รับรางวัลตอบแทนบ้าง งานเลี้ยงต้อนรับครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนของพวกเรา”
“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านแม่ทัพยังบอกเองว่าอยากจะดูแลท่านเช่นกัน”
“อาหารในค่ายของพวกเราอร่อยก็จริง แต่จะไปเทียบกับอาหารในหอสุราไป๋หยวนแห่งเมืองจูเป่ยได้อย่างไร” นายกองซงจางยิ้มอีกครั้ง และขยับเข้ามากระซิบข้างหูจ้าวอู่เจียง
“อีกอย่าง พวกเราไม่ได้เพียงทานอาหารเท่านั้น นาน ๆ ทีจะมีแขกคนสำคัญมาเยือน พวกเราจะไม่ลอง… เด็ดบุปผาสักหน่อยหรือ?”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องกฎระเบียบของกองทัพหรอก พวกเราทำหน้าที่ปกป้องเมืองจูเป่ยทั้งวันทั้งคืน ปกป้องแคว้นโดยไร้ความดีความชอบ เช่นนั้นก็ควรได้ผ่อนคลายบ้างจริงหรือไม่?”
“อีกไม่นานคงจะต้องเกิดการสู้รบขึ้นเป็นแน่ ในเมื่อยังมีโอกาสรื่นเริงอยู่เช่นนี้ เราก็ควรจะสนุกสนานไปกับมันไม่ใช่หรือ พวกเรารีบไปกันเถอะ…”
จ้าวอู่เจียงโดนซงจางลากออกมาจากจวนที่พักของท่านแม่ทัพ ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่เห็นตู๋กูเทียนชิง สงสัยคงไปจัดการธุระบางอย่างในเมืองจูเป่ย หรือมิเช่นนั้นก็คงไปรออยู่ที่หอสุราไป๋หยวนตามที่ซงจางเอ่ยถึงแล้ว
ซงจางเป็นคนช่างพูดช่างเจรจายิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวอู่เจียงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่า ที่ตู๋กูเทียนชิงเรียกนายกองผู้นี้ว่าเป็นคนปากสว่างไม่ได้เกินจริงเลย
ซงจางมีลักษณะเหมือนคนเก็บกดที่ไม่ได้พูดคุยกับผู้ใดมานานแล้ว
เขายังคงกล่าวต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องจ้าว ท่านรู้หรือไม่ว่าแม้ท่านแม่ทัพตู๋กูเพิ่งจะมาอยู่ในเมืองจูเป่ยได้เพียงครึ่งปี แต่ข้าซงจางสนิทสนมกับเขาเป็นอย่างยิ่ง”
สนิทสนมอย่างนั้นหรือ?… จ้าวอู่เจียงได้แต่ยิ้มด้วยความอ่อนโยน หากพวกเขาสนิทสนมกันจริง ๆ ซงจางก็คงไม่เที่ยวมาป่าวประกาศว่าตนเองเป็นคนสนิทเช่นนี้หรอก
“แต่ว่า…” ซงจางยิ่งพูดก็ยิ่งภาคภูมิใจ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แม้ท่านตู๋กูเทียนชิงจะเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ในเรื่องของความอึดนั้น เขาสู้นายกองอย่างข้าไม่ได้เลย”
“ข้าจะบอกความลับให้ฟังนะ ท่านแม่ทัพใหญ่สามารถอดทนได้เพียงชั่วจิบน้ำชาครึ่งถ้วยเท่านั้น…”
“ซ้ำยังมีขนาดเพียงเท่านี้เอง…” ซงจางยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงระยะห่างอันเล็กจิ๋ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า