บทที่ 438 ความสงสารไม่อาจควบคุมกองทัพได้
จ้าวเหยียนซือและตู๋กูเทียนชิงสบตากัน สัญชาตญาณพยายามบอกให้จ้าวเหยียนซือปฏิเสธ แต่เขาก็กล้ำกลืนคำพูดทุกอย่างกลับลงคอไป
เขามองเห็นความอ่อนโยนในแววตาของตู๋กูเทียนชิง อีกทั้งฝ่ายนั้นยังได้ส่ายหน้าเล็กน้อย เป็นสัญญาณบอกให้จ้าวเหยียนซือไม่ต้องพูดอะไร
บรรดาลิ่วล้อผู้ติดตามของจ้าวเหยียนซือตะลึงสุดขีด พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่านี่จะเป็นความจริง
ขุนพลราชองครักษ์หนุ่มก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของตู๋กูเทียนชิง สุดท้ายจึงนิ่งเงียบและฟังสิ่งที่ตู๋กูเทียนชิงกำลังจะพูดต่อไป
สำหรับเหล่าทหาร ความนิ่งเงียบของจ้าวเหยียนซือพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ตู๋กูเทียนชิงพูดออกมานั้นเป็นความจริง พวกเขาเพียงเล่นละครแกล้งทะเลาะกัน เพื่อจะค้นหาสายลับของศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพเท่านั้น
กลุ่มคนส่งเสียงอุทานฮือฮา บางคนถอนหายใจ บางคนก็จับกลุ่มพูดคุย
หลี่เอ้อร์อู่และสหายสายลับขมวดคิ้วใช้ความคิด เรื่องนี้แตกต่างไปจากสิ่งที่พวกเขาวางแผนเอาไว้โดยสิ้นเชิง
สิ่งที่ตู๋กูเทียนชิงพูดออกมาทำลายแผนการของหลี่เอ้อร์อู่ลงอย่างสมบูรณ์
ตอนแรกเขาต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างจ้าวเหยียนซือกับตู๋กูเทียนชิง ทำให้เกิดความร้าวฉานจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ แล้วคนในกองทัพเมืองจูเป่ยก็จะต้องจับอาวุธฆ่าฟันกันเอง
แต่หลี่เอ้อร์อู่คิดไม่ถึงเลยว่าตู๋กูเทียนชิงจะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคนั้น คนในกองทัพก็เลิกหันอาวุธใส่กัน และพร้อมใจจะเล่นงานสายลับจากฝ่ายศัตรูด้วยความสามัคคีเป็นอย่างยิ่ง
หลี่เอ้อร์อู่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เห็นได้ชัดว่าหลังจากฟื้นตัวจากอาการล้มป่วย ตู๋กูเทียนชิงก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คำพูดของเขาไม่ได้เพียงปลอบขวัญผู้คนเท่านั้น แต่ยังมีการโน้มน้าวใจและคอยชี้นำความคิดผู้คนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย
หลี่เอ้อร์อู่จ้องมองบุรุษชุดดำผู้มีนามว่าจ้าวอู่เจียงที่อยู่ข้างกายตู๋กูเทียนชิง และเพียงจ้องมองไปเท่านั้น เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ผุดซึมขึ้นมาเต็มแผ่นหลังของหลี่เอ้อร์อู่ทันที
เพราะเขาพบว่าจ้าวอู่เจียงกำลังจ้องมองเขาอยู่
ดวงตาลึกล้ำดั่งสายน้ำ เยือกเย็น สงบนิ่ง มันคล้ายกับว่าสามารถมองทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ทำให้ผู้คนไม่สามารถหลบซ่อนได้อีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า