บทที่ 46 การหารือในตระกูลตู๋กู
อาฝูเดินนำจ้าวอู่เจียงออกจากห้องรับรอง เดินทะลุผ่านห้องชั้นในมาตามเส้นทาง พักหนึ่งก็ออกมาถึงป่าไผ่เขียวชอุ่มที่ด้านนอก
กลางป่าไผ่มีประตูไม้บานเล็ก ๆ เมื่อเปิดประตูออก ก็จะเห็นบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ด้านใน ขณะนี้ ประตูบ้านหลังนั้นกำลังปิดสนิทแน่น
ดูเหมือนนี่คงเป็นสถานที่ซึ่งตู๋กูอี้เหอใช้ทำการหารืออย่างลับ ๆ… จ้าวอู่เจียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในขณะที่อาฝูเดินเข้าไปเคาะประตู
“นายท่านขอรับ ใต้เท้าจ้าวมาถึงแล้ว”
เนื่องจากในงานเลี้ยงครั้งก่อน ตู๋กูอี้เหอกับจ้าวอู่เจียงเรียกหากันเป็นลุงกับหลาน ดังนั้น อาฝูจึงให้ความเคารพจ้าวอู่เจียงมากยิ่งกว่าเดิม
“เข้ามาได้!” เสียงของตู๋กูอี้เหอดังออกมาจากในตัวบ้านอย่างทรงพลัง
อาฝูผลักประตูเปิดออกและเดินนำจ้าวอู่เจียงเข้าสู่ด้านใน
ทันทีที่จ้าวอู่เจียงเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้พบกับดวงตาสี่คู่ที่จ้องมองมาอย่างระมัดระวัง
การตกแต่งภายในเห็นได้ชัดว่าเป็นห้องหนังสืออย่างแน่นอน และในขณะนี้ ตู๋กูอี้เหอกับชายวัยกลางคนอีกสามคนก็กำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
“ท่านพี่ให้เขาเข้ามาจะดีหรือ?”
หนึ่งในผู้ร่วมหารือเป็นชายวัยกลางคนผมหนาเคราดก สวมใส่เสื้อคลุมสีแดง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ตู๋กูอี้เหอจ้องมองไปยังคนผู้นั้นด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาหาจ้าวอู่เจียง วางมือลงบนไหล่ของอีกฝ่าย กล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก…”
“นี่คือจ้าวอู่เจียง มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าขันทีคนปัจจุบัน
แววของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีแดงเป็นประกายราวคมมีด จนจ้าวอู่เจียงรู้สึกได้ถึงรัศมีที่น่ากลัว และความเลือดเย็นจากตัวคนผู้นี้
“เฉินอันปัง เสนาบดีกรมกลาโหม” ตู๋กูอี้เหอแนะนำตัวชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีแดง ก่อนจะผายมือไปยังผู้ที่เหลืออยู่อีกสองคน
“ส่วนท่านขุนนางในชุดดำคนนี้ คือขุนนางเส้าชิง*[1]ประจำศาลต้าหลี่ อวี้ฉือเจิ้นอู๋ ทางด้านขุนนางในชุดสีม่วงคือเฉาฉางชิง ผู้ตรวจการจากสำนักตรวจการ”
จ้าวอู่เจียงประสานมือคำนับ ไม่ได้นอบน้อมจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้แข็งกร้าวจนดูยโส “คารวะท่านประมุขตู๋กู คารวะใต้เท้าทั้งสามท่าน…”
ในกลุ่มบุคคลทั้งสามนั้น นอกจากเส้าชิงแห่งศาลต้าหลี่อย่างอวี้ฉือเจิ้นอู๋แล้ว คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมเฉินอันปัง หรือผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาฉางชิง จ้าวอู่เจียงล้วนเคยพบหน้ามาแล้วทั้งสิ้น ในพิธีเลือกคู่ขององค์หญิงแห่งแคว้นไป๋เยว่
จ้าวอู่เจียงสามารถพิชิตใจองค์หญิงได้สำเร็จ ทำให้บรรดาลูกหลานของขุนนางใหญ่ที่เข้าพิธีเลือกคู่ต้องพบกับความผิดหวัง ขุนนางใหญ่ทั้งสองจึงมีความประทับใจในแง่ที่ไม่ค่อยดีนักต่อตัวขันทีหนุ่ม เนื่องจากลูกหลานของพวกเขาก็อยู่ในกลุ่มคนที่ต้องผิดหวังเพราะชายคนนี้เช่นกัน
ส่วนทางด้านอวี้ฉือเจิ้นอู๋ เขาเป็นคนมีคิ้วหนา เวลาจ้องมองผู้ใด จึงดูเหมือนกับนกอินทรีกำลังจ้องเหยื่อ
“พวกเรามานั่งคุยกันดีกว่า” ตู๋กูอี้เหอดึงแขนให้ขันทีหนุ่มนั่งลง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แก่ผู้ร่วมหารือทั้งสามคน
ตู๋กูอี้เหอยิ้มแล้วอธิบายให้ฟัง
“พวกเรากำลังพูดคุยกันว่าจะเสนอชื่อใครเป็นแม่ทัพคุมแดนเหนือ”
บนโต๊ะมีม้วนกระดาษวางอยู่เป็นจำนวนมาก ม้วนกระดาษเหล่านี้คือข้อมูลของบรรดาแม่ทัพ ผู้ที่ได้รับเลือกเสนอชื่อให้ไปคุมกองทัพแดนเหนือ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า