บทที่ 511 ขึ้นเกาะ
ท้องฟ้าสีเทา
จ้าวอู่เจียงถอดหมวกไม้ไผ่ เผยใบหน้าหล่อเหลาและแววตาอาฆาต
เขาวางหมวกไม้ไผ่บนแผ่นหินอย่างเบามือ
แผ่นหินนี้มีความสูงราวครึ่งตัวคน บนแผ่นหินปรากฏตัวอักษรสลัก แน่นอนว่าเป็นฝีมือการแกะสลักของช่างฝีมือประจำเกาะ แม้ไม่ได้มีฝีมือโดดเด่นนัก แต่ก็แกะสลักได้สบายตา
ตัวอักษรขนาดใหญ่บนแผ่นหินคือคำว่า ‘เกาะตงจี’ ด้านล่างตัวอักษรนี้ เป็นตัวอักษรขนาดเล็กหลายบรรทัด บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเกาะตงจี รวมไปถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกเล็กน้อย
สาเหตุที่เกาะนี้ได้ชื่อว่าเกาะตงจี เพราะที่นี่เป็นเกาะปลายสุดของแคว้นต้าเซี่ย
ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก และใกล้ชิดกับทะเลมากที่สุด
จ้าวอู่เจียงกดหมวกของตนเองให้ครอบลงไปบนของแผ่นหินที่สลักชื่อเกาะตงจี ราวกับไม่ต้องการให้มันเห็นการล่มสลายของบ้านเกิด
ทันทีที่เขาขึ้นมาบนเกาะ จ้าวอู่เจียงก็ได้กลิ่นเลือดและกลิ่นควันไฟคละคลุ้ง
ช่างชวนให้คลื่นเหียน อยากอาเจียนนัก
กระนั้นจ้าวอู่เจียงก็ยังคงเดินเข้าไป เขาเข้าใกล้ซากปรักหักพังทีละก้าว จนมองเห็นศพมนุษย์แขนขาขาดเกลื่อนพื้นดิน
บรรดาผู้สวมใส่ชุดเครื่องแบบทหารของเกาะตงจีนอนจมกองเลือด ตายอยู่บนพื้นดิน
บางศพนอนคว่ำหน้า ร่างกายปกคลุมด้วยบาดแผลและคราบเลือด ไม่มีผู้ใดมีสภาพศพที่สมบูรณ์เลยสักคน
บางศพนอนตาค้างจ้องมองฟ้า แม้ตายแล้วตาก็ยังไม่หลับ
บางศพนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ศีรษะห้อยตก ในมือยังคงกำดาบที่แตกหักไม่ยอมปล่อย
ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอศพเหล่าทหารมากเท่านั้น บางศพศีรษะขาดฃ แม้นี่จะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่โลหิตก็ยังไหลทะลัก ไม่แข็งตัว
ตอนนั้นเองจ้าวอู่เจียงได้ยินเสียงตะโกนของชาวโพ้นทะเลดังมา เสียงของพวกมันบอกถึงความเหิมเกริม เป็นน้ำเสียงของความบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนสาปแช่งอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจปะปนมาให้ได้ยิน
บนเนินเขาเบื้องหน้าจ้าวอู่เจียง ศพมากมายกองสุมกัน ปะปนอยู่กับคานไม้แตกหักและกรวดหินดินทรายไร้ค่า
เสียงร้องเหล่านั้นดังออกมาจากด้านหลังเนินเขาลูกนี้
รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของจ้าวอู่เจียงพลันจางหาย สายตาคมปลาบยิ่งกว่าคมมีด

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า